ชุมพร - ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ เข้าพบตำรวจรับทราบข้อกล่าวหาบุกรุกที่สาธารณะสร้างบ้านพักตากอากาศแล้ว นายอำเภอ ทหารงง เพิ่งรู้ ดอดร้องศาลปกครองคัดค้านรังวัดออก นสล. รวมทั้งแปลงศาลสั่งเพิกถอนด้วย อ้างสิทธิครอบครองหมดทั้งอ่าวเกือบ 200 ไร่
จากกรณีที่ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 มอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ บก.ควบคุม มทบ.44 ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ และแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.มาบอำมฤต ดำเนินคดีอาญาต่อ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ อดีตอาจารย์ นักวิชาการคนดัง ข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ที่พลเมืองใช้ร่วมกันกว่า 30 ไร่ บริเวณอ่าวทุ่งทราย หมู่ 3 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร พร้อมสร้างบ้านพักตากอากาศหรูใหญ่โต 2 หลัง มูลค่านับ 100 ล้านบาท และยังครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก. แปลงเพิกถอน จำนวน 19 ไร่ ที่อธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งเพิกถอน และศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังมีการครอบครอง และบุกรุกเพิ่มมากขึ้นอีก จนชาวบ้านต้องร้องเรียนต่อทหาร มทบ.44 เข้าดำเนินการตรวจสอบตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (12 ธ.ค.) นายพิทักษ์ บริพิศ นายอำเภอปะทิว พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หน.ฉก.บก.ควบคุม มทบ.44 นายประไพ กาละ ปลัดอำเภอปะทิว นายสรภพ ธานินพงศ์ หน.สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 43 (ปะทิว-ชุมพร) นายภราดร ศรีชลธาร นายก อบต.ปากคลอง นายประกิต แข่งขัน รองนายก อบต.ปากคลอง นายทะนง รุ่งเรือง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชุมพรสาขาปะทิว นายสมโภชน์ อุบลกาญจน์ กำนันตำบลปากคลอง ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวม 18 คน เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาบุกรุกที่ป่าพรุกระชิง และที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย ที่ห้องประชุมอำเภอปะทิว
นายทะนง รุ่งเรือง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขาปะทิว กล่าวในที่ประชุมถึงกรณีที่คณะกรรมการตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์แปลงอ่าวทุ่งทราย หมู่ 3 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว หลังจากมีการรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญรับรองสำหรับที่หลวง หรือ นสล. คำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ที่ผ่านมานั้น เพื่อกำหนดแนวเขตที่ชัดเจน โดยการรังวัดเสร็จสิ้นแล้ว ได้เนื้อที่ทั้งหมด 243-3-25.5 ไร่ มีราษฎรนำหลักฐานมาแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน 56 ราย จำนวน 66 แปลง รวมเนื้อที่คัดค้าน 48-3-80.3 ไร่ และมี ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ คัดค้านโดยไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน 1 แปลง จำนวน 187-0-44.2 ไร่ และ ดร.พิริยะ ยังได้ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อไม่ให้มีการรังวัดออกหนังสือ นสล. เนื่องจากตนเองครอบครองพื้นที่ดังกล่าวอยู่ จึงทำให้เหลือพื้นที่ไม่มีการคัดค้านเหลืออยู่เพียง 7-2-99 ไร่ ซึ่งเป็นทางสาธารณประโยชน์ จากเนื้อที่ทั้งหมด 243-3-25.5 ไร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง นายทะนง แจ้งในที่ประชุมทราบถึงกรณีดังกล่าว ทำให้ทั้งนายอำเภอ ทหารชุด ฉก.มทบ.44 และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งเป็นคณะกรรมการตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์อ่าวทุ่งทรายถึงกับมึนงง เพราะเพิ่งจะทราบเรื่องดังกล่าวในที่ประชุม เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการแจ้งความดำเนินคดีอาญาต่อ ดร.พิริยะ เมื่อวันที่ 19 ส.ค.59 ที่ผ่านมา ข้อหาบุกรุกที่ดินบริเวณดังกล่าวกว่า 30 ไร่ สร้างบ้านพักตากอากาศ 2 หลัง มูลค่านับร้อยล้านบาท และอยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าหา นอกจากนั้น ในพื้นที่คัดค้านของ ดร.พิริยะ จำนวน 187-0-44.2 ไร่ ยังรวมพื้นที่แปลงที่อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนตามคำสั่งที่ 2100/2548 ลงวันที่ 26 ก.ค.48 และศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินเพิกถอนชอบด้วยกฎหมายรวมอยู่ด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ดร.พิริยะ ได้แสดงสิทธิคัดค้านโดยไม่มีเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินสาธารณะดังกล่าวที่อยู่บริเวณชายหาดทุ่งทรายหมดทั้งอ่าวเกือบ 200 ไร่ ที่อยู่ริมชายทะเล รวมทั้งแปลงที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินรวมด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้น จึงทำให้กระบวนการรังวัดแนวเขตออก นสล.ต้องหยุดชะงัก เนื่องจากต้องรอศาลปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมมีมติ ว่า ให้เรียกประชุมคณะกรรมการตรวจสอบที่ดินสาธารณประโยชน์อ่าวทุ่งทราย ชุดใหญ่ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานเพื่อประชุมหามาตรการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อกรณีที่เกิดขึ้น นอกจากนั้น ได้มอบหมายให้ผู้บริหาร อบต.ปากคลอง ตรวจสอบแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มต่อ ดร.พิริยะ ที่ก่อสร้างอาคารบ้านพักตากอากาศหรู 2 หลังใหญ่ การก่อสร้างถนนคอนกรีตยาว 500 เมตร และการเดินเสาไฟฟ้าขนาด 3 เฟส ในที่สาธารณะเข้าไปยังบ้านพักตากอากาศริมทะเลว่ามีการขออนุญาตหรือไม่ ถ้าขอใครเป็นผู้อนุญาต และให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเข้มงวด
ขณะที่ พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หน.ฉก.บก.ควบคุม มทบ.44 กล่าวว่า เรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง ตนและผู้บริหารท้องถิ่นได้นำหลักฐานทั้งหมดไปร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และได้รับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว โดยจะมีเจ้าหน้าที่ลงมาสอบสวนในกลางเดือนธันวาคมนี้ และจะต้องไปปรึกษากับพนักงานอัยการว่าจะมีมาตรการดำเนินการอย่างไรต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.ฉลาด พลนาการ รรท.ผกก.สภ.มอบอำมฤต กล่าวว่า ช่วงเช้าของวันเดียวกัน ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.นพชัย เกื้อบุญแก้ว เจ้าของคดีแล้ว เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน เบื้องต้น ดร.พิริยะ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยขอให้การในชันศาล ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดชุมพร ต่อไป