ชุมพร - อบต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร หอบหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ เศรษฐีตระกูลดังบุกรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย สร้างบ้านพักหรูร่วม 100 ล้าน ทหารแฉใช้เอกสาร “ส.ค.บิน” สวมสิทธิออกโฉนด อธิบดีกรมที่ดินสั่งเพิกถอนออกโดยมิชอบตั้งแต่ปี 48 ที่ดิน อำเภอ จังหวัด กลับเพิกเฉยซุกเรื่องนานนับ 10 ปี
จากกรณีที่ พล ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจออกตรวจสอบพื้นที่สาธารณประโยชน์ถูกนายทุนบุกรุก และสร้างบ้านพักตากอากาศหรู จำนวน 2 หลัง มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ ริมชายหาดอ่าวทุ่งทราย หมู่ 3 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลักจากมีผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และชาวบ้านรวมตัวกันร้องเรียน คสช.ตามข่าวที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (21 ส.ค.) นายประกิจ แข่งขัน รองนายก อบต.ปากคลอง นายวิโรจน์ ศรีสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ตำบลปากคลอง นายพนา คงมั่น สมาชิก อบต.หมู่ 3 ตำบลปากคลอง นายบุญยัง ศรีซังส้ม แพทย์ประจำตำบลปากคลอง ได้นำคำสั่งมณฑลทหารบกที่ 44 กองบัญชาการควบคุมมณฑลทหารบกที่ 44 ที่ 223/2559 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ลงชื่อโดย พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 เรื่องตรวจสอบการบุกรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย ไปติดประกาศทับไว้ที่ป้ายประตูรั้วทางเข้าบ้านพักตากอากาศหรูของนายทุนดังกล่าว และที่บริเวณรั้วกั้นอาณาเขตที่ผู้ครอบครองเขียนป้ายข้อความว่า “พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” รวม 3 จุด
โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า “ด้วยปรากฏองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง ได้ร้องเรียนเรื่อง นายพิริยะ ไกรฤกษ์ บุกรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ต่อ มทบ.ที่ 44/บก.ควบคุม มทบ.44 ในฐานะเป็นหน่วยทหารที่ปกครองดูแลด้านความมั่นคงในพื้นที่ อาศัยอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 13/2559 และคำสั่งที่ 64 /2547 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่สาธารณะและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ จึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารกอง บก.มทบ.44 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบอำมฤต อบต.ปากคลอง อำเภอปะทิว เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งที่ 43 ตลอดจนหน่วยงานที่มีภารกิจ และอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมเข้าดำเนินการตรวจสอบหาข้อมูลที่ดินดังกล่าวจนครบถ้วนต่อไป”
นายประกิจ กล่าวว่า การที่พวกตนนำคำสั่งดังกล่าวมาติดในพื้นที่บุกรุกนั้น สืบเนื่องจากช่วงเย็นวานที่ผ่านมา นายภราดร ศรีชลธาร นายก อบต.ปากคลอง ในฐานะผู้บริหารท้องถิ่นได้นำหลักฐานการบุกรุกที่ดินสาธารณะในพื้นที่ดังกล่าวจากฝ่ายทหารทั้งหมดไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.นพชัย เกื้อบุญแก้ว รองสารวัตรสอบสวน สภ.มาบอำมฤต ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์เป็นคดีอาญาที่ 190/2559 กล่าวโทษดำเนินคดีต่อ นายพิริยะ ไกรฤกษ์ ผู้ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวในความผิดบุกรุกที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ร่วมกันจนคดีจะถึงที่สุด และ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ. 44 ได้ออกคำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวตามที่แจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้บุกรุกที่สาธารณะ จึงนำประกาศมาติดแจ้งให้ผู้ครอบครองทราบ
ด้าน พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารฝ่ายยุทธการ บก.ควบคุม มทบ.44 เปิดเผยว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนบุกรุกที่สาธารณะดังกล่าวแล้ว พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ได้สั่งการให้ตน และ พ.ต.สังคม รองมาลี นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน ออกตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐานจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง และพบหลักฐานสำคัญว่าที่ดินแปลงตามที่มีการร้องเรียนนั้น ก่อนหน้านี้ ผู้ครอบครองได้นำหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 13, 125 และ 124 ไปขอออกหลักฐาน น.ส.3ก. เลขที่ 1472 และ 1473 ซึ่งต่อมาได้นำไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินเลขที่ 16128 หน้าสำรวจ 1537 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จำนวน 19 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา โดยออกให้แก่ นายพิริยะ ไกรฤกษ์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2546
จากนั้นได้มีการร้องเรียนว่ามีการออกโฉนดโดยมิชอบ จนอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งที่ 1670/2547 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2547 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และคณะกรรมการสอบสวนตรวจสอบพบว่า น.ส.3ก. เลขที่ 1472 และ 1473 ที่ใช้เป็นหลักฐานออกโฉนดดังกล่าวได้ออกโดยนำ ส.ค.1 ซึ่งเป็นหลักฐานสำหรับที่ดินแปลงอื่น และอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินท้องที่อำเภอท่าแซะ และอำเภอปะทิว จ.ชุมพร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2531 จึงสมควรให้เพิกถอน และอธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 2100/2548 ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 16128 หน้าสำรวจ 1537 ดังกล่าวของ นายพิริยะ ไกรฤกษ์ ตลอดจนหลักฐานที่เกี่ยวข้องเสียทั้งหมด ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2548
พ.ท.ดุสิต เปิดเผยต่อว่า หลังมีคำสั่งเพิกถอนจากอธิบดีกรมที่ดินแล้วจนเวลาผ่านไปนานนับ 10 ปี พื้นที่ดังกล่าวผู้ครอบครองยังอยู่เหมือนเดิม มีการกั้นรั้วอาณาบริเวณ ล็อกกุญแจประตูเข้าออก เขียนป้ายติดเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล จึงรวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่นไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับอาศัยอำนาจ คสช.ออกคำสั่งดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าดำเนินการตรวจสอบในพื้นที่เพิกถอน 19 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา เพื่อยึดกลับคืนมาเป็นของแผ่นดิน และหากผู้ครอบครองมีเอกสารหลักฐานใดก็สามารถนำออกมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนในพื้นที่จะมีการบุกรุกเพิ่มมากกว่านั้นหรือไม่นั้นคงต้องรอเข้าไปตรวจสอบก่อน ซึ่งคงจะภายใน 2-3 วันนี้
สำหรับ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ผู้มีชื่อครอบครองโฉนดดังกล่าว ปัจจุบันอยุ 73 ปี เคยเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะที่คณะโบราณดคี มหาวิทยาลัยศิลปากร และคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเป็นผู้อำนวยการสถาบันไทยคดีศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิพิริยะ ไกรฤกษ์
จากกรณีที่ พล ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ได้ตั้งชุดเฉพาะกิจออกตรวจสอบพื้นที่สาธารณประโยชน์ถูกนายทุนบุกรุก และสร้างบ้านพักตากอากาศหรู จำนวน 2 หลัง มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 30 ไร่ ริมชายหาดอ่าวทุ่งทราย หมู่ 3 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร หลักจากมีผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และชาวบ้านรวมตัวกันร้องเรียน คสช.ตามข่าวที่นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (21 ส.ค.) นายประกิจ แข่งขัน รองนายก อบต.ปากคลอง นายวิโรจน์ ศรีสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ตำบลปากคลอง นายพนา คงมั่น สมาชิก อบต.หมู่ 3 ตำบลปากคลอง นายบุญยัง ศรีซังส้ม แพทย์ประจำตำบลปากคลอง ได้นำคำสั่งมณฑลทหารบกที่ 44 กองบัญชาการควบคุมมณฑลทหารบกที่ 44 ที่ 223/2559 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ลงชื่อโดย พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 เรื่องตรวจสอบการบุกรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย ไปติดประกาศทับไว้ที่ป้ายประตูรั้วทางเข้าบ้านพักตากอากาศหรูของนายทุนดังกล่าว และที่บริเวณรั้วกั้นอาณาเขตที่ผู้ครอบครองเขียนป้ายข้อความว่า “พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต” รวม 3 จุด
โดยคำสั่งดังกล่าวระบุว่า “ด้วยปรากฏองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง ได้ร้องเรียนเรื่อง นายพิริยะ ไกรฤกษ์ บุกรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ต่อ มทบ.ที่ 44/บก.ควบคุม มทบ.44 ในฐานะเป็นหน่วยทหารที่ปกครองดูแลด้านความมั่นคงในพื้นที่ อาศัยอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 13/2559 และคำสั่งที่ 64 /2547 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกที่สาธารณะและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ จึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารกอง บก.มทบ.44 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบอำมฤต อบต.ปากคลอง อำเภอปะทิว เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งที่ 43 ตลอดจนหน่วยงานที่มีภารกิจ และอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมเข้าดำเนินการตรวจสอบหาข้อมูลที่ดินดังกล่าวจนครบถ้วนต่อไป”
นายประกิจ กล่าวว่า การที่พวกตนนำคำสั่งดังกล่าวมาติดในพื้นที่บุกรุกนั้น สืบเนื่องจากช่วงเย็นวานที่ผ่านมา นายภราดร ศรีชลธาร นายก อบต.ปากคลอง ในฐานะผู้บริหารท้องถิ่นได้นำหลักฐานการบุกรุกที่ดินสาธารณะในพื้นที่ดังกล่าวจากฝ่ายทหารทั้งหมดไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.นพชัย เกื้อบุญแก้ว รองสารวัตรสอบสวน สภ.มาบอำมฤต ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์เป็นคดีอาญาที่ 190/2559 กล่าวโทษดำเนินคดีต่อ นายพิริยะ ไกรฤกษ์ ผู้ครอบครองพื้นที่ดังกล่าวในความผิดบุกรุกที่สาธารณะที่พลเมืองใช้ร่วมกันจนคดีจะถึงที่สุด และ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ. 44 ได้ออกคำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวตามที่แจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้บุกรุกที่สาธารณะ จึงนำประกาศมาติดแจ้งให้ผู้ครอบครองทราบ
ด้าน พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารฝ่ายยุทธการ บก.ควบคุม มทบ.44 เปิดเผยว่า หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนบุกรุกที่สาธารณะดังกล่าวแล้ว พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 ได้สั่งการให้ตน และ พ.ต.สังคม รองมาลี นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน ออกตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐานจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง และพบหลักฐานสำคัญว่าที่ดินแปลงตามที่มีการร้องเรียนนั้น ก่อนหน้านี้ ผู้ครอบครองได้นำหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 13, 125 และ 124 ไปขอออกหลักฐาน น.ส.3ก. เลขที่ 1472 และ 1473 ซึ่งต่อมาได้นำไปยื่นขอออกโฉนดที่ดินเลขที่ 16128 หน้าสำรวจ 1537 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จำนวน 19 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา โดยออกให้แก่ นายพิริยะ ไกรฤกษ์ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2546
จากนั้นได้มีการร้องเรียนว่ามีการออกโฉนดโดยมิชอบ จนอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งที่ 1670/2547 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2547 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และคณะกรรมการสอบสวนตรวจสอบพบว่า น.ส.3ก. เลขที่ 1472 และ 1473 ที่ใช้เป็นหลักฐานออกโฉนดดังกล่าวได้ออกโดยนำ ส.ค.1 ซึ่งเป็นหลักฐานสำหรับที่ดินแปลงอื่น และอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินท้องที่อำเภอท่าแซะ และอำเภอปะทิว จ.ชุมพร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2531 จึงสมควรให้เพิกถอน และอธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 2100/2548 ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 16128 หน้าสำรวจ 1537 ดังกล่าวของ นายพิริยะ ไกรฤกษ์ ตลอดจนหลักฐานที่เกี่ยวข้องเสียทั้งหมด ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2548
พ.ท.ดุสิต เปิดเผยต่อว่า หลังมีคำสั่งเพิกถอนจากอธิบดีกรมที่ดินแล้วจนเวลาผ่านไปนานนับ 10 ปี พื้นที่ดังกล่าวผู้ครอบครองยังอยู่เหมือนเดิม มีการกั้นรั้วอาณาบริเวณ ล็อกกุญแจประตูเข้าออก เขียนป้ายติดเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล จึงรวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้แก่ผู้บริหารท้องถิ่นไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมกับอาศัยอำนาจ คสช.ออกคำสั่งดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าดำเนินการตรวจสอบในพื้นที่เพิกถอน 19 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา เพื่อยึดกลับคืนมาเป็นของแผ่นดิน และหากผู้ครอบครองมีเอกสารหลักฐานใดก็สามารถนำออกมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนในพื้นที่จะมีการบุกรุกเพิ่มมากกว่านั้นหรือไม่นั้นคงต้องรอเข้าไปตรวจสอบก่อน ซึ่งคงจะภายใน 2-3 วันนี้
สำหรับ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ผู้มีชื่อครอบครองโฉนดดังกล่าว ปัจจุบันอยุ 73 ปี เคยเป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะที่คณะโบราณดคี มหาวิทยาลัยศิลปากร และคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเป็นผู้อำนวยการสถาบันไทยคดีศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิพิริยะ ไกรฤกษ์