ชุมพร - DSI ลงพื้นที่ละอุ่น หาหลักฐานสร้างถนน “ซอยพม่าข้าม” กว่า 3 ล้านบาท ในป่าสงวนยาวกว่า 1 กม. นายกเล็กละอุ่น เผยเป็นถนนยุทธศาสตร์ที่อำเภอสร้างไว้นานแล้ว แค่เข้าไปสร้างปรับปรุงผิวถนนให้ดีขึ้นเท่านั้น ยืนยันพร้อมให้ตรวจสอบ
จากการที่ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 มอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ นำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารยุทธโยธา บก.ควบคุม มทบ.44 นำฝ่ายเชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเทศบาลตำบลละอุ่น ใช้งบพัฒนาจังหวัดกว่า 3 ล้านบาท สร้างถนน คสล.ใน “ซอยพม่าข้าม” หมู่ 3 ตำบลบางพระใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง รุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยาว 1.5 กม. โดยไม่มีชาวบ้านอยู่แม้แต่รายเดียว แต่กลับประโยชน์เอื้อให้แก่กลุ่มนักการเมือง นายทุน เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ายึดครองที่ดินทั้งสองฟากถนน และร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องแจ้งความดำเนินคดี พร้อมประกาศปิดถนนเส้นดังกล่าวเพื่อป้องกันการบุกรุกเพิ่มตามที่นำเสนอข่าวนั้น
ล่าสุด วันนี้ (13 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ผู้สื่อรายงานว่า นายภูรินท์พัฒน์ สมบูรณ์ ผอ.สำนักคดี 2 ส่วนคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมชุดสอบสวน รวม 4 คน เข้าพบกับ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44/ผอ.รมน.ภาค 4 สย.1 ที่ค่ายเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร เพื่อรับทราบข้อมูลกรณีดังกล่าว หลังจากนั้น ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.ละอุ่น จ.ระนอง เพื่อรวบรวมหลักฐานทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล ผู้นำท้องถิ่น ความเป็นมาของพื้นที่หมู่ 3 ตำบลบางพระใต้ อ.ละอุ่น การใช้งบประมาณรัฐสร้างถนนรุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยาว 1.5 กม.
พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ กล่าวว่า คดีนี้มีความซับซ้อนทั้งเรื่องเอกสาร ตัวบุคคลเกี่ยวโยงกันหลายส่วน จึงได้ประสานงานและมอบหลักฐานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านลงมาร่วมสอบสวนด้วย โดย DSI ลงพื้นที่ประมาณ 3-4 วัน ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานจากส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จากนั้นจะนำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และจะนัดหมายลงพื้นที่กันอีกครั้ง โดยในวันที่ 16 พ.ย.นี้ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 และตนจะลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังจากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รน.1 (ละอุ่น) เข้าไปติดป้ายประกาศว่า ถนน คสล.ในซอยพม่าข้าม ที่ก่อสร้างไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ถือมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2485 และความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ก่อนจะมีการปิดถนนสายนี้อย่างถาวรในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อป้องกันกลุ่มผู้บุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป
ด้าน นายปราโมท ศรีฟ้า นายกเทศบาลตำบลละอุ่น กล่าวว่า ถนนเส้นซอยพม่าข้ามนั้น เป็นถนนเส้นเก่าแก่มีมานานกว่า 21 ปีแล้ว เป็นถนนจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่อำเภอละอุ่นเป็นผู้สร้างไว้ เป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ กับพื้นที่ป่าไม้ ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการสำรวจรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล.ขณะนี้เรื่องอยู่ที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ หรือ “กบร.จังหวัด” เพื่อจะได้นำมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ต่อมาทางเทศบาลตำบลละอุ่น ได้เข้าไปก่อสร้างเพื่อปรับปรุงผิวถนนให้ดีขึ้นเท่านั้น จึงไม่ได้ขออนุญาต แต่อย่างไรก็ตาม ถนนบริเวณซอยพม่าข้าม แยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนด้านติดถนนใหญ่มีชาวบ้านอยู่อาศัยเอกสารการครอบครองที่ดิน ส่วนด้านในไม่มี ซึ่งตนยินดี และพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่างกับทุกฝ่ายที่จะลงมาตรวจสอบ เพราะเทศบาลละอุ่น เพียงเข้าไปสร้างปรับปรุงผิวถนนให้ดีขึ้นเท่านั้น
จากการที่ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 มอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ นำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารยุทธโยธา บก.ควบคุม มทบ.44 นำฝ่ายเชี่ยวชาญลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเทศบาลตำบลละอุ่น ใช้งบพัฒนาจังหวัดกว่า 3 ล้านบาท สร้างถนน คสล.ใน “ซอยพม่าข้าม” หมู่ 3 ตำบลบางพระใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง รุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยาว 1.5 กม. โดยไม่มีชาวบ้านอยู่แม้แต่รายเดียว แต่กลับประโยชน์เอื้อให้แก่กลุ่มนักการเมือง นายทุน เจ้าหน้าที่รัฐที่เข้ายึดครองที่ดินทั้งสองฟากถนน และร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องแจ้งความดำเนินคดี พร้อมประกาศปิดถนนเส้นดังกล่าวเพื่อป้องกันการบุกรุกเพิ่มตามที่นำเสนอข่าวนั้น
ล่าสุด วันนี้ (13 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ผู้สื่อรายงานว่า นายภูรินท์พัฒน์ สมบูรณ์ ผอ.สำนักคดี 2 ส่วนคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมชุดสอบสวน รวม 4 คน เข้าพบกับ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44/ผอ.รมน.ภาค 4 สย.1 ที่ค่ายเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร เพื่อรับทราบข้อมูลกรณีดังกล่าว หลังจากนั้น ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.ละอุ่น จ.ระนอง เพื่อรวบรวมหลักฐานทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล ผู้นำท้องถิ่น ความเป็นมาของพื้นที่หมู่ 3 ตำบลบางพระใต้ อ.ละอุ่น การใช้งบประมาณรัฐสร้างถนนรุกล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ยาว 1.5 กม.
พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ กล่าวว่า คดีนี้มีความซับซ้อนทั้งเรื่องเอกสาร ตัวบุคคลเกี่ยวโยงกันหลายส่วน จึงได้ประสานงานและมอบหลักฐานให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านลงมาร่วมสอบสวนด้วย โดย DSI ลงพื้นที่ประมาณ 3-4 วัน ในการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานจากส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จากนั้นจะนำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และจะนัดหมายลงพื้นที่กันอีกครั้ง โดยในวันที่ 16 พ.ย.นี้ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44 และตนจะลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้า หลังจากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รน.1 (ละอุ่น) เข้าไปติดป้ายประกาศว่า ถนน คสล.ในซอยพม่าข้าม ที่ก่อสร้างไม่ได้ขออนุญาตจากกรมป่าไม้ ถือมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2485 และความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ก่อนจะมีการปิดถนนสายนี้อย่างถาวรในวันที่ 30 พ.ย. เพื่อป้องกันกลุ่มผู้บุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป
ด้าน นายปราโมท ศรีฟ้า นายกเทศบาลตำบลละอุ่น กล่าวว่า ถนนเส้นซอยพม่าข้ามนั้น เป็นถนนเส้นเก่าแก่มีมานานกว่า 21 ปีแล้ว เป็นถนนจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่อำเภอละอุ่นเป็นผู้สร้างไว้ เป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ กับพื้นที่ป่าไม้ ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการสำรวจรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล.ขณะนี้เรื่องอยู่ที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ หรือ “กบร.จังหวัด” เพื่อจะได้นำมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ต่อมาทางเทศบาลตำบลละอุ่น ได้เข้าไปก่อสร้างเพื่อปรับปรุงผิวถนนให้ดีขึ้นเท่านั้น จึงไม่ได้ขออนุญาต แต่อย่างไรก็ตาม ถนนบริเวณซอยพม่าข้าม แยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนด้านติดถนนใหญ่มีชาวบ้านอยู่อาศัยเอกสารการครอบครองที่ดิน ส่วนด้านในไม่มี ซึ่งตนยินดี และพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่างกับทุกฝ่ายที่จะลงมาตรวจสอบ เพราะเทศบาลละอุ่น เพียงเข้าไปสร้างปรับปรุงผิวถนนให้ดีขึ้นเท่านั้น