ผู้จัดการรายวัน 360องศา - “อีสท์ วอเตอร์” แจงกรณีสำนักข่าวอิสราเปิดเผยข้อมูลอ้างพนักงานภายในเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนคู่สัญญาต่อการบริหารโครงการพัฒนาสระเก็บน้ำดิบทับมาทำบริษัทเสียหาย ยันโครงการใหญ่หลายฝ่ายรับรู้ ลั่นพร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริง
จากกรณีที่มีข่าวในสื่อออนไลน์ของสำนักข่าวอิศรา เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 ได้พาดพิงถึงการบริหารโครงการพัฒนาสระเก็บน้ำดิบทับมา ของ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ EASTW (อีสท์ วอเตอร์) ที่มีพฤติกรรมให้ความช่วยเหลือในลักษณะเอื้อผลประโยชน์แก่บริษัทเอกชนคู่สัญญา รวมถึงพื้นที่โครงการบางส่วนรุกล้ำเข้าไปในบริเวณพื้นที่สาธารณะด้วย ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏในข่าวดังกล่าวได้ถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงในหลายประเด็น ซึ่ง อีสท์ วอเตอร์ ได้เปิดเผยข้อมูลต่อ ผู้จัดการรายวัน 360องศา ว่า ดำเนินงานโครงการพัฒนาสระเก็บน้ำดิบทับมา โดยเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างอีสท์ วอเตอร์ กับ อบจ.ระยอง ในการพัฒนาพื้นที่บ่อลูกรังเดิมในพื้นที่ตำบลทับมา อำเภอเมือง จังหวัดระยอง บนพื้นที่เกือบ 400 ไร่ เพื่อเป็นแก้มลิงไว้เก็บกักน้ำในช่วงน้ำหลากในฤดูฝน ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งยังใช้เป็นแหล่งน้ำสำรองเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ตัวเมืองระยอง
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาสระเก็บน้ำดิบทับมา จะสามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 12 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีสถานีสูบน้ำหลักอยู่ที่แม่น้ำระยอง และคลองทับมา ซึ่งแต่ละสถานีสูบน้ำจะมีอัตราการสูบสูงสุดประมาณ 250,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้สามารถเพิ่มน้ำต้นทุนให้แก่พื้นที่จังหวัดระยองได้ไม่น้อยกว่า 47 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยที่ปัจจุบัน โครงการดังกล่าวได้รับอนุมัติจากสภาเทศบาลตำบลเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นการบุกรุกที่ดินสาธารณะนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า โครงการพัฒนสระเก็บน้ำดิบทับมาเป็นโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะต้องทำการรวบรวมที่ดินบ่อลูกรังเดิม และที่ดินบริเวณใกล้เคียงหลายร้อยไร่เพื่อทำเป็นสระเก็บน้ำ การรวบรวมที่ดินในลักษณะดังกล่าวทำให้มีทางสาธารณะอยู่ในพื้นที่ที่รวบรวมด้วย
ทั้งนี้ ผู้รับจ้างได้จัดให้มีการทำทางขึ้นใหม่เพื่อให้ประชาชนไว้ใช้สัญจรทดแทนทางสาธารณะเดิมที่อยู่ภายในโครงการ โดยการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับทางสาธารณะ ผู้รับจ้างได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นลำดับ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในปี 2558 ที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่ก่อสร้างฯ เกิดอุทกภัยถึงขั้นที่จังหวัดระยองประกาศเป็นเขตภัยพิบัติฉุกเฉินถึง 3 ครั้ง โครงการฯ จึงต้องปรับแผนงานเพิ่มโดยทำการยกระดับพื้นที่สถานีสูบน้ำให้สูงขึ้นจากเดิม ส่งผลให้โครงการดังกล่าวล่าช้ากว่ากำหนด
ขณะเดียวกัน การดำเนินงานโครงการดังกล่าวมีวงเงินนับพันล้าน ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้ให้ความสำคัญในการดำเนินงานให้เกิดความโปร่งใส และโครงการสัมฤทธิผลตามเป้าหมาย โดยได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดย่อย ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารและการลงทุน ร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบ ติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และหากพบว่า การกระทำของผู้ไม่หวังดีดังกล่าวต่อบริษัทฯ ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ และ/หรือบริษัทในเครือ บริษัทฯ จะดำเนินการทางกฎหมาย และนำเรียนชี้แจงยังผู้สื่อข่าวเพื่อทราบต่อไป