ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทหารสนธิกำลังหลายฝ่าย ตรวจสอบข้อร้องเรียนบุกรุกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตบนเกาะแรด ภูเก็ต ผู้อ้างสิทธิเผยซื้อต่อสิทธิครอบครองจากชาวบ้าน ขณะที่เจ้าพนักงานที่ดินเผยเป็นที่ดินว่างเปล่า ตกสำรวจปี 2520 ไม่มีเอกสารสิทธิ ต้องแปลภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง ขณะที่เทศบาลฯ ป่าคลอก สั่งระงับก่อสร้าง ห้ามใช้อาคาร และให้นำเอกสารการขออนุญาตมายื่นภายใน 30 วัน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (21 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารทัพเรือภาคที่ 3 นำโดย น.ท.พรพรหม สกุลเต็ม ฝ่ายเสนาธิการประจำกองเรือปฏิบัติการ ทัพเรือภาคที่ 3 และผู้ควบคุมความสงบเรียบร้อยในจังหวัดภูเก็ต นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง นายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอก ผู้แทนจากสำนักงานขนส่งทางน้ำภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต และเจ้าหน้าตำรวจสถานีตำรวจภูธรถลาง เข้าตรวจสอบพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิเกาะแรด หมู่ที่ 6 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง หลังมีการร้องเรียนไปยังเทศบาลตำบลป่าคลอก ว่า มีการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นพื้นที่เกาะ และไม่มีเอกสารสิทธิ
จากการลงพื้นที่ในเบื้องต้นมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือขนาดเล็ก และตัดถนนขึ้นไปบนพื้นที่เนินเขาบนเกาะ มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างอาคารไม้เป็นบ้านพัก 3 หลัง ศาลา 3 หลัง สร้างเสร็จไปแล้ว 1 หลัง และอยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 หลัง มีโรงเรือนสูบน้ำดิบจากแหล่งใต้ดิน และปั่นกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ โดยรอบพื้นที่มีการปลูกพืชผัก และผลไม้
ขณะลงพื้นที่ได้มี น.ส.ปิฏฐิรัฐ ภิธิภัฏฐ์ ผู้อ้างเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าวเข้าชี้แจง พร้อมกับนำเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินของบริษัททีจีอาร์ บีช จำกัด ซึ่งอยู่บริเวณข้างเคียงมาแสดง ซึ่งในโฉนดที่ดินมีชื่อของนายรัตน์ ไม่ทราบนามสกุล ยืนยันแนวเขตข้างเคียงให้แก่โฉนดที่ดินดังกล่าว
โดย น.ส.ปิฏฐิรัฐ อ้างว่าตน และสามีได้ซื้อสิทธิครอบครองที่ดินแปลงนี้ต่อมาจากนายรัตน์ (จำนามสกุลไม่ได้) เมื่อปี 2551 ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 7 ไร่เศษ มีพื้นที่ข้างเคียงที่ดินของบริษัททีจีอาร์ บีช จำกัด แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ โดยก่อนหน้านี้ นายรัตน์ เคยอยู่อาศัยทำกินบนเกาะแห่งนี้ด้วยสิทธิครอบครองมาก่อน ประมาณ 30 ปี นายรัตน์ มีการทำประโยชน์ ปลูกบ้าน และปลูกผลไม้ ซึ่งมีหลักฐานเป็นต้นไม้ซึ่ง นายรัตน์ ได้ปลูกไว้เก็บผลจำนวนหนึ่ง และตนได้ตัดสินใจซื้อสิทธิครอบครองจาก นายรัตน์ มาเพื่อปลูกสร้างที่พักขาดเล็ก ปลูกต้นไม้ ปลูกผัก และพาครอบครัวมาพักอาศัย จำนวน 3 ครอบครัว
นายสิทธิชัย พรหมชาติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง กล่าวว่า ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ตกสำรวจขณะที่มีการเดินสำรวจในปี 2520 ซึ่งมีการเดินสำรวจ และออกเอกสารสิทธิให้แก่ผู้ที่ครอบครองพื้นที่ และใช้ประโยชน์พื้นที่เกาะจริง แต่พื้นที่ดังกล่าวไม่ระบุว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ หรือปรากฏว่ามีเอกสารสิทธิแต่อย่างใด จึงต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้นายอำเภอถลาง เป็นผู้ดำเนินการต่อ เพื่อส่งเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ เพื่อให้มีการแปลภาพถ่ายทางอากาศย้อนดูตั้งแต่ปี 2510 เป็นต้นมา หากพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีการใช้ประโยชน์ ก็สามารถใช้สิทธิครอบครองในการทำประโยชน์ต่อไปได้ แต่ไม่รวมถึงการปลูกสร้างอาคาร เพราะไม่มีการขออนุญาตจากท้องถิ่น
ด้านนายปัณยา สำเภารัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าคลอก กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าวผู้ครอบครองได้สิทธิในการครอบครอง สามารถเข้ามาทำกินในพื้นที่ได้ แต่ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างอาคาร หรือเข้ามาอยู่อาศัยเป็นการถาวรได้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเกาะไม่สามารถออกเอกสารสิทธิได้ และจากการตรวจสอบพบว่า มีการก่อสร้างอาคารอยู่ในพื้นที่ จำนวน 4 หลัง ซึ่งผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ทางเทศบาลฯ จึงได้ปิดประกาศ จำนวน 3 ฉบับ สั่งให้ระงับการก่อสร้างอาคารทั้งหมด คำสั่งห้ามใช้อาคาร และคำสั่งให้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตก่อสร้างฯ กรณีที่กระทำโดยไม่ได้รับใบอนุญาต โดยทางเทศบาลได้ให้เวลาเจ้าของที่ดิน 30 วัน ในการยื่นเอกสารการขออนุญาตก่อสร้าง ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เผื่อว่าทางเจ้าของดินที่จะมีหลักฐานที่สามารถนำมาขออนุญาตก่อสร้างได้ ซึ่งจะต้องมีในส่วนของเอกสาร ส.ค.1 น.ส.3 หรือ น.ส.3 ก หรือโฉนดที่ดิน แต่ถ้าหากครบ 30 วันแล้ว ยังไม่มีเอกสารมาแสดง ทางเทศบาลจะเข้ามาดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวต่อไป แต่ระหว่างนั้นผู้อ้างสิทธิก็สามารถอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการจังหวัด หรือสามารถฟ้องคัดค้านคำสั่งรื้อถอนต่อศาลปกครองได้อีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตามบริเวณใกล้เคียงซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างโรงแรมหรูและท่าเรือมารีน่าที่อยู่ในสภาพรกร้างไม่แล้วเสร็จนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเป็นของบริษัททีจีอาร์ บีชจำกัด ที่ดังกล่าวมีการออกเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง เนื่องจากเจ้าของเดิมแจ้งสิทธิ์ในขณะเดินสำรวจเมื่อปี 2520 จึงได้เอกสารสิทธิ์เป็นน.ส.3.ก่อนมีการออกเอกสารสิทธิ์ในภายหลัง รวมเนื้อที่กว่า 175 ไร่ ขณะที่การขออนุญาตก่อสร้างท่าเรือมารีน่าก็เคยขอไว้ล่าสุดกับกรมเจ้าท่าฯเมื่อปี 2553 แต่ไม่ได้ดำเนินการก่อสร้างต่อ เนื่องจากเกิดปัญหาภายในของผู้ถือหุ้น