ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวบ้านภูเก็ต เตรียมแจ้งความดำเนินคดีผู้ว่าราชการ นายอำเภอ ท้องถิ่น ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการบุกรุกที่หลวงบริเวณหาดสุรินทร์ หลังพบการแก้ไขปัญหาจัดการผู้บุกรุกชายหาดสาธารณะตามคำสั่ง คสช.แบบครึ่งๆ กลางๆ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (2 ก.ค.) นายพลัฏฐ์ จันทรโสภิน นายบำรุง รุ่งเรือง และนายจุฑา ประทีป ณ ถลาง เข้าพบ พ.ต.อ.ปวร พรพรหมมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล พ.ต.ท. รัษฎา กลึงวงศ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการ สภ.เชิงทะเล ที่สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน กรณีเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยให้มีการบุกรุกที่ดิน นสล. หรือที่ดินอันเป็นสาธารสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดสุรินทร์ โดยมีการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอถลาง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหา และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สร้างบุกรุกอยู่ในที่หลวง ซึ่งมีการประกาศให้พื้นที่บริเวณหาดสุรินทร์ จำนวน 101 ไร่ เป็นที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ประประโยชน์ร่วมกัน ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน
นายพลัฏฐ์ จันทรโสภิน กล่าวถึงการเดินทางมาแจ้งความในครั้งนี้ ว่า เป็นการเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีในฐานะประชาชนคนภูเก็ต ที่มองว่า ชายหาดสาธารณะ และที่ดินหลวงบริเวณหาดสุรินทร์บางส่วนถูกบุกรุกสร้างสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการล่ารายชื่อคนภูเก็ตเพื่อจะยื่นเรื่อง และแจ้งความให้มีการดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ปล่อยให้มีการบุกรุก แต่ไม่ทันที่จะได้มาแจ้งความ ทาง คสช.ก็ได้สั่งการให้จังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดระเบียบชายหาดสุรินทร์เสียก่อน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตรงกับความคิดเห็นของทางพวกตนจึงได้ชะลอไป แต่หลังจากมีการดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพบว่า หยิบเอากฎกระทรวงทรัพย์ฯ มาใช้คือ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในระยะประมาณ 20 เมตร จากน้ำทะเลท่วมถึงเท่านั้น จึงมองว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบครึ่งๆ กลางๆ เนื่องจากยังมีพื้นที่ที่มีการบุกรุกที่หลวงอยู่ จึงได้มาแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้
อย่างไรก็ตาม เดิมจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อทางผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายก อบต.เชิงทะเล และผู้เกี่ยวข้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่คิดว่าควรจะให้โอกาสหน่วยงานราชการในการดำเนินการแก้ไขปัญหา และจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สร้างรุกที่หลวงออกไปให้หมดภายใน 7 วัน ถ้า 7 วันแล้วยังไม่มีการดำเนินการ ตนพร้อมด้วยพวกจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการแจ้งความแล้วตนจะทำหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่หลวง ที่สาธารณะโดยเฉพาะชายหาดต่างๆ ไปยัง คสช.เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว
นายพลัฏฐ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการเรื่องของการบุกรุกพื้นที่ชายหาดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จะไม่ดำเนินการเฉพาะหาดสุรินทร์เท่านั้น แต่จะดำเนินการในทุกๆ หาด เพียงแต่ใช้หาดสุรินทร์ เพื่อเป็นพื้นที่นำร่อง เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ซึ่งปัญหาการบุกรุกพื้นที่ชายหาดภูเก็ตนั้นถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกคนควรจะต้องให้มีความสนใจอย่างจริงจัง เพราะหาดทุกหาดเป็นหาดสาธารณะที่ทุกคนควรจะใช้ร่วมกันได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ปวร พรหรหมมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังรับแจ้งความทางตำรวจก็จะประสานไปยังสำนักงานที่ดิน และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ให้เข้ามาชี้แนวเขตที่ดินให้ชัดเจนว่า ที่ดินซึ่งมีการประกาศขึ้นหนังสือที่หลวงอยู่ตรงไหน และนอกจากนั้น จะต้องมีการสอบสวนในส่วนของผู้ประกอบการเรื่องของการก่อสร้างว่าได้รับอนุญาตให้มีการก่อสร้างหรือไม่ หรือได้รับอนุญาตจากใคร หลังจากนั้น จะแจ้งผลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งในเบื้องต้น ทางผู้แจ้งให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 วันในการแก้ไขปัญหา และจัดการกับผู้บุกรุก ถ้าภายใน 7 วัน ยังไม่มีการดำเนินการก็จะกลับมาแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (2 ก.ค.) นายพลัฏฐ์ จันทรโสภิน นายบำรุง รุ่งเรือง และนายจุฑา ประทีป ณ ถลาง เข้าพบ พ.ต.อ.ปวร พรพรหมมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล พ.ต.ท. รัษฎา กลึงวงศ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการ สภ.เชิงทะเล ที่สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน กรณีเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยให้มีการบุกรุกที่ดิน นสล. หรือที่ดินอันเป็นสาธารสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดสุรินทร์ โดยมีการแจ้งความลงบันทึกประจำวัน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอถลาง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหา และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สร้างบุกรุกอยู่ในที่หลวง ซึ่งมีการประกาศให้พื้นที่บริเวณหาดสุรินทร์ จำนวน 101 ไร่ เป็นที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ประประโยชน์ร่วมกัน ให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน
นายพลัฏฐ์ จันทรโสภิน กล่าวถึงการเดินทางมาแจ้งความในครั้งนี้ ว่า เป็นการเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีในฐานะประชาชนคนภูเก็ต ที่มองว่า ชายหาดสาธารณะ และที่ดินหลวงบริเวณหาดสุรินทร์บางส่วนถูกบุกรุกสร้างสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการล่ารายชื่อคนภูเก็ตเพื่อจะยื่นเรื่อง และแจ้งความให้มีการดำเนินคดีต่อผู้บุกรุก และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ปล่อยให้มีการบุกรุก แต่ไม่ทันที่จะได้มาแจ้งความ ทาง คสช.ก็ได้สั่งการให้จังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดระเบียบชายหาดสุรินทร์เสียก่อน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตรงกับความคิดเห็นของทางพวกตนจึงได้ชะลอไป แต่หลังจากมีการดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพบว่า หยิบเอากฎกระทรวงทรัพย์ฯ มาใช้คือ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในระยะประมาณ 20 เมตร จากน้ำทะเลท่วมถึงเท่านั้น จึงมองว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบครึ่งๆ กลางๆ เนื่องจากยังมีพื้นที่ที่มีการบุกรุกที่หลวงอยู่ จึงได้มาแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้
อย่างไรก็ตาม เดิมจะมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อทางผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ นายก อบต.เชิงทะเล และผู้เกี่ยวข้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่คิดว่าควรจะให้โอกาสหน่วยงานราชการในการดำเนินการแก้ไขปัญหา และจัดการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สร้างรุกที่หลวงออกไปให้หมดภายใน 7 วัน ถ้า 7 วันแล้วยังไม่มีการดำเนินการ ตนพร้อมด้วยพวกจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการแจ้งความแล้วตนจะทำหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่หลวง ที่สาธารณะโดยเฉพาะชายหาดต่างๆ ไปยัง คสช.เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว
นายพลัฏฐ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการเรื่องของการบุกรุกพื้นที่ชายหาดในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จะไม่ดำเนินการเฉพาะหาดสุรินทร์เท่านั้น แต่จะดำเนินการในทุกๆ หาด เพียงแต่ใช้หาดสุรินทร์ เพื่อเป็นพื้นที่นำร่อง เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ซึ่งปัญหาการบุกรุกพื้นที่ชายหาดภูเก็ตนั้นถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกคนควรจะต้องให้มีความสนใจอย่างจริงจัง เพราะหาดทุกหาดเป็นหาดสาธารณะที่ทุกคนควรจะใช้ร่วมกันได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ปวร พรหรหมมา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังรับแจ้งความทางตำรวจก็จะประสานไปยังสำนักงานที่ดิน และสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 ให้เข้ามาชี้แนวเขตที่ดินให้ชัดเจนว่า ที่ดินซึ่งมีการประกาศขึ้นหนังสือที่หลวงอยู่ตรงไหน และนอกจากนั้น จะต้องมีการสอบสวนในส่วนของผู้ประกอบการเรื่องของการก่อสร้างว่าได้รับอนุญาตให้มีการก่อสร้างหรือไม่ หรือได้รับอนุญาตจากใคร หลังจากนั้น จะแจ้งผลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งในเบื้องต้น ทางผู้แจ้งให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 7 วันในการแก้ไขปัญหา และจัดการกับผู้บุกรุก ถ้าภายใน 7 วัน ยังไม่มีการดำเนินการก็จะกลับมาแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป