ทหารสนธิกำลังเจ้าท่าฯ และป่าไม้ตราด บุกตรวจสอบเกาะขาม หลังพบนายทุนบุกรุกที่ดิน-ป่าไม้-ทะเล

ตราด - ทหาร สนธิกำลังเจ้าท่าตราด และป่าไม้ บุกตรวจสอบเกาะขาม หลังพบมีนายทุนบุกรุกที่ดิน ทะเล ป่าไม้ พร้อมสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวตรวจสอบเต็มที่ หากผิดพร้อมฟันโดยไม่ต้องหวั่นผู้มีอิทธิพล

วันนี้ (26 ส.ค.) พล.ร.ต.สานนท์ ชะเอม รอง ผบ.กองกำลังป้องกันจันทบุรีและตราด พร้อมกำลังทหารนาวิกโยธิน 50 นาย นายประสงค์ เอี่ยมสำราญ ผู้ช่วยเจ้าท่าตราด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ตราด เจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด และทหารเรือจากฐานส่งกำลังบำรุงทหารเรือตราด ลงเรือหลวงกันตัง หมวดเรือลาดตระเวนชายแดนส่วนที่ 1 ทัพเรือภาคที่ 1 ไปที่เกาะขาม ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด จ.ตราด ซึ่งมีการก่อสร้างเป็นรีสอร์ตชื่อ อนันญารีสอร์ท โดยมีนายสุรเทพ โตพานิช หรือเสี่ยอ้น เจ้าของร้านมุมอร่อย เป็นเจ้าของ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำทะเล

ต่อมา น.อ.นิรัตน์ ทากุดเรือ รอง ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด นำกำลังทหารนาวิกโยธินตราด ชุดแรกลงเรือยาง 2 ลำ เดินทางสู่เกาะขาม และเดินขึ้นไปตรวจสอบในห้องพักคนงาน พบแรงงานต่างด้าวชาวพม่า มอญ และกะเหรี่ยง รวม 8 คน แต่ไม่มีเจ้าของอาศัยอยู่แต่ประการใด ขณะที่บริเวณชายหาดมีการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นตลอดแนวเกาะ มีหาดทรายเป็นระยะทางยาวกว่า 500 เมตร นอกจากนี้ ยังก่อสร้างสะพานท่าเรือยาวกว่า 149 เมตร รวมทั้งด้านหลังที่มีสภาพป่า ได้มีการบุกรุกเข้าปลูกสร้างห้องพัก และเรือนพักคนงาน เพิ่มจาก น.ส.3 ที่มีเพียง 10 ไร่ แต่พื้นที่ที่มีการปลูกสร้างมีมากกว่า

นอกจากนั้น นายเดวิด ทัศวิล เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอเกาะกูด จ.ตราด และนายบุญเรียง รัตนบัณฑิตกุล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าที่ 6 สาขาตราด ได้เข้าทำการรังวัดโดยใช้ GPS ตั้งแต่แนวเกาะทิศตะวันตก จนถึงทิศตะวันออก พบว่า ผิดไปจากแนวเขตที่ดินเดิม และมีการก่อสร้างกำแพงแนวกันคลื่นรุกล้ำออกมา มีการถมทรายทับต้นไม้ทั้งมะพร้าว และต้นหูกวาง รวมทั้งมีการสร้างกำแพงเชื่อมโขดหินยาวกว่า 20 เมตร

ส่วนในพื้นที่ป่า ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้าตรวจสอบ พบว่า มีการบุกรุกก่อสร้างขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อทำจุดชมวิว และมีการสร้างทาง และถางป่าเพื่อเข้าทำประโยชน์จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังได้มีการตัดไม้เพื่อทำประโยชน์ ซึ่งพบไม้ 5 ท่อน ถุงบรรจุทรายจำนวนมากอยู่ในโรงเก็บของ

หลังจากสอบสวนแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทุกคนแล้ว พบว่า มีพาสปอร์ตเดินทางเข้าประเทศไทย ส่วนที่ไม่มีได้เดินทางออกจากเกาะขามไปแล้ว

ต่อมา พล.ร.ต.สานนท์ ได้เรียกหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวของทั้งหมดเพื่อแถลงข่าว พร้อมชี้แจงว่า ทางทหารเรือได้รับข้อมูลจากการตรวจสอบทางอากาศ ว่า มีการบุกรุกป่า และบุกรุกปลูกสร้างลงไปในทะเล จึงเดินทางเข้ามาตรวจพร้อมกับเจ้าพนักงานที่ดิน จ.ตราด เจ้าท่าตราด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ตราด องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะหมาก และตำรวจ สภ.เกาะกูด ร่วมตรวจสอบ

พบว่ามีการปลูกสร้างรีสอร์ตบุกรุกเข้าไปในป่า และเกินกว่าที่มีเอกสารสิทธิอยู่ 10 ไร่ มีการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าจำนวนมาก มีการก่อสร้างสะพานที่ยังไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้ง อบต.ได้ระบุว่ายังไม่ได้มีการขออนุญาตเปิดโรงแรม หรือรีสอร์ต แต่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวมาหลายปีแล้ว ทางทหารจะได้มีการตรวจสอบเมื่อพบว่าผิดกฎหมาย จะได้ให้แต่ละหน่วยดำเนินการแจ้งความเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

นายบุญเรียง กล่าวว่า สำหรับรีสอร์ตแห่งนี้เคยถูกดำเนินคดีมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีการมีสร้างกำแพงกันคลื่นบุกรุกลงไปในทะเล และศาลได้สั่งปรับเป็นเงิน 2,000 บาท พร้อมสั่งให้มีการรื้อออกไป ส่วนที่พบในวันนี้มีการก่อสร้างสะพานเกินออกมา มีการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นยาวกว่า 500 เมตร และนำทรายมาถมทะเลบางส่วน ซึ่งการถมทะเลสร้างกำแพง ทำลานกิจกรรมนั้น เจ้าท่าตราดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด

ส่วนนายเดวิด กล่าวว่า จากการตรวจเอกสารสิทธิ น.ส.3 ที่มีอยู่ 10 ไร่ แต่เมื่อตรวจสอบโดยใช้GPS พบว่า มีการปลูกอาคารรุกล้ำป่าไม้ โดยเฉพาะอาคารที่สร้างอยู่บนเนินหิน อย่างไรก็ตาม จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

พล.ร.ต.สานนท์ สรุปว่า ทางทหารจะให้ส่วนราชการที่เดินทางมาตรวจครั้งนี้ ได้สรุปปัญหาทั้งหมดว่ามีความผิดในข้อหาใดบ้าง จะได้แจ้งความดำเนินคดีต่อ สภ.เกาะกูด ซึ่ง ผกก.เกาะกูด และปลัด อบต.เกาะหมาก ได้เดินทางมารับทราบปัญหาแล้ว หากมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้วไม่ต้องกังวลว่าเจ้าของจะเป็นใคร และมีอิทธิพลแค่ไหน ทางทหารไม่ยอมแน่ เพราะเป็นคำสั่งของ คสช.ที่ให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง