xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินกระบี่ บุกยื่นหนังสือนายกฯ ขอให้ยุติโครงการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กระบี่ - กลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินกระบี่ บุกศาลากลาง ยื่นหนังสือนายกฯ และหัวหน้า คสช. ขอให้ยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และขอโอกาสให้คนกระบี่ ทำพลังงานหมุนเวียนเพื่อการพึ่งตนเอง 100%

เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (21 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินกระบี่ นำโดย นายธีรพจน์ กษิรวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายฯ พร้อมด้วยสมาชิกประมาณ 300 คน ได้ถือธงสัญลักษณ์ไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ พร้อมทำพิธีกรวดน้ำ และสวดดุอาร์ ขอพรจากพระเจ้า เพื่อขอให้โรงไฟฟ้าถ่านหินห่างไกลจากจังหวัดกระบี่ จากนั้นทางเครือข่ายฯ ได้ขอเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน และขอให้คนกระบี่ ทำพลังงานหมุนเวียนพึ่งพาตนเอง 100% ผ่านนาย พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ทางกลุ่มเครือข่ายฯ ยืนรอผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ อยู่ที่ด้านหน้าศาลากลางอยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง ทาง ผวจ.กระบี่ ก็ไม่ลงมารับหนังสือ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมลุกฮือเข้าไปนั่งภายในห้องโถงศาลากลาง พร้อมเรียกร้องให้ทาง ผวจ.กระบี่ ลงมารับหนังสือ หรือส่งตัวแทน ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ อส.จ.กระบี่ ดูแลความสงบอย่างเข้มงวด ต่อมา นายสมโภช โชติชูช่วง ปลัดจังหวัดกระบี ได้รับมอบหมายจาก ผวจ.กระบี่ ออกมารับหนังสือข้อเรียกร้อง และก่อนยื่นหนังสือทางตัวแทนเครือข่ายฯ ได้อ่านแถลงการณ์ทวงถามสัญญากระบี่โกกรีน เมืองพลังงานสีเขียว 100% ก่อนแยกย้ายกันไป

นายธีรพจน์ กษิรวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินกระบี่ กล่าวว่า เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี เร่งการดำเนินการพลังงานหมุนเวียนร้อย 100% ของจังหวัดกระบี่ ให้เป็นต้นแบบเมืองที่พึ่งพาตนเองด้วยพลังงานสะอาด อันสอดคล้องต่อแนวทางการพัฒนาของจังหวัดกระบี่ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตามที่เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ยื่นข้อเสนอกับรัฐบาล 3 เรื่อง คือ 1.ขอให้ยุติพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว 2.ยุติการประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และท่าเทียบเรือ 3.ให้เวลาจังหวัดกระบี่ 3 ปี เพื่อพิสูจน์การทำพลังงานหมุนเวียน 100%% ภายใต้สนับสนุนอย่างเต็มที่ของรัฐบาล

โดยเงื่อนไขข้อที่ 1 และ 2 ได้รับการปฏิบัติโดยทันที ส่วนเงื่อนไขข้อที่ 3 รัฐบาลตั้งคณะกรรมการไตรภาคีขึ้นเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของแนวคิดนี้ ต่อมา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เสียสัตย์ด้วยการประกาศให้บริษัทไชน่าเพาเวอร์ และอิตาเลียนไทย เป็นผู้ชนะการประมูลโรงไฟฟ้า และท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหิน ในส่วนเงื่อนไขสำคัญคณะอนุกรรมการพลังงานหมุนเวียนในกรรมการไตรภาคี ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า กระบี่มีศักยภาพของพลังงานหมุนเวียนประมาณ 1,700 เมกะวัตต์ มากกว่าที่กระบี่ใช้ทั้งจังหวัด แต่กรรมการไตรภาคีไม่ได้นำข้อสรุปของคณะกรรมการพลังงานหมุนเวียนมาจัดทำแผนในจังหวัดกระบี่ พิสูจน์ในเวลา 3 ปี ตามข้อตกลงกับนายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด

ตรงกันข้ามปรากฏพฤติกรรมของประธานไตรภาคีที่เชื่อได้ว่าไม่ได้นำเสนอข้อสรุปศักยภาพพลังงานหมุนเวียนของจังหวัดกระบี่ สู่ท่านนายกรัฐมนตรี การสนับสนุนให้กระบี่เป็นเมืองพลังงานสีเขียว 100% นอกจากจะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และสุขภาพแล้ว ยังเป็นการเพิ่มการจ้างงานในภาคพลังงาน และส่งเสริมการท่องเที่ยว ทั้งอันดามันปัจจุบันนักท่องเที่ยวทั่วโลกสนใจการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การส่งเสริมเมืองท่องเที่ยวสีเขียวที่ผลิตไฟฟ้าใช้เองจากพลังงานหมุนเวียน และการส่งเสริมให้กระบี่เป็นเมืองพลังงานสีเขียวเมืองเล็กๆ ของโลกจะเป็นจุดขายที่เข้มแข็งด้านการท่องเที่ยว สอดคล้องต่อข้อตกลงปารีส และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งจะสามารถประกาศต่อโลกได้อย่างภาคภูมิใจว่า ประเทศไทยก้าวไปสู่คำสัญญาที่ให้ไว้แก่ประชาคมโลก

เราไม่อาจรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นต่ออันดามันเพียงเพื่อประโยชน์ของพ่อค้าถ่านหิน เราจึงขอใช้ความสงบนั่งส่งใจส่งพลังให้ทีมที่กรุงเทพฯ ซึ่งไปนั่งภาวนาอยู่ที่หน้าทำเนียบเพื่อขอให้รัฐบาลรักษาคำสัตย์ยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน และให้กระบี่ทำพลังงานหมุนเวียนเพื่อการพึ่งตนเอง 100% หากไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากรัฐบาล ทางเครือข่ายฯ พร้อมจะเดินทางไปสมทบกับทางทีมที่กรุงเทพฯ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรี ต่อไป
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น