ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “เลขาธิการ กป.อพช.ใต้” ร่อนแถลงการณ์ทำความเข้าใจสังคมต่อความเคลื่อนไหวของ “เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน” ที่จัดกิจกรรมหน้าทำเนียบ เพื่อแสดงออกตามหลักอหิงสาต่อต้าน กฟผ.ลักหลับช่วงประชาชนเศร้าโศกแอบเดินหน้าดันสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่
วันนี้ (18 พ.ย.) นายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการคณะกรรมการประสานองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “รัฐบาลต้องไม่ปล่อยให้ กฟผ.เอาความโศกเศร้าของประชาชนมาเป็นตัวประกันเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่” เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ซึ่งได้ส่งตัวแทนไปทำกิจกรรมที่บริเวณประตูทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยในแถลงการณ์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่สำคัญ ดังนี้
การประกาศตัวของเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหิน ในฐานะผู้รักความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และแหล่งท่องเที่ยวอันสวยงาม อันเป็นที่กล่าวขานของผู้คนทั้งโลก ถือเป็นครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในช่วงเวลากว่าสามปีที่ผ่านมา
แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้มีการแสดงออกไปในหลายรูปแบบวิธีการ ทั้งการแสดงพลังของมวลชนคนกระบี่ ที่ออกมาคัดค้านต่อสาธารณะจำนวนหลายพันคน และการแสดงออกในเชิงเหตุผล โดยการนำเสนอข้อมูล และหลักฐานที่บ่งบอกได้ถึงอันตราย และหายนะที่จะเกิดขึ้นจากเชื้อเพลิงถ่านหินเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะต้องแลกระหว่างการดำรงชีวิตในธรรมชาติที่สะอาดปลอดภัย กับมลพิษที่จะปกคลุมม่านฟ้าของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ในอนาคต
หากแต่การส่งเสียงที่ผ่านมานั้น แทบมลายหายไปกับสายลม และความเร้นลับซับซ้อนของผลประโยชน์มหาศาลในกลุ่มทุนท่านหิน ที่บดบังสายตาของผู้มีอำนาจทุกระดับในขณะนี้ และยังบิดเบือนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของกลุ่มที่ออกมาคัดค้าน จนทำให้สังคมเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ในสายตาที่มืดบอดนี้ คงยากที่ผู้นำของประเทศนี้จะมองเห็น และเข้าใจถึงเหตุผลในข้อเรียกร้องดังกล่าว ทั้งยังตั้งตนอยู่บนฐานคติที่เอนเอียง โดยการรับฟังเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้าของกลุ่มทุนเหล่านั้นเป็นสำคัญ แต่กลับไม่เข้าใจถึงความทุกข์ร้อนของประชาชนในพื้นที่ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อคนท้องถิ่นในอนาคต
“การไม่เห็นหัวของประชาชน ก็คือการปิดหนทางแห่งการแก้ไขปัญหา และนั่นก็จะนำไปสู่ทางตันของสังคมอย่างมิควรนักในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้” แถลงการณ์ของเลขาธิการ กป.อพช.ใต้ ระบุไว้ตอนหนึ่ง ก่อนเสริมว่า
การยืนหยัดเพื่อที่จะส่งเสียงถึงรัฐบาลเพื่อให้หยุดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ในครั้งนี้ อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย และอาจจะนำไปสู่การสูญเสียอะไรบางอย่าง ด้วยความเชื่อมั่นว่า การออกมาแสดงท่าทีในครั้งนี้ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังโศกเศร้าอย่างหนักต่อการเสด็จสวรรคตขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระมหากษัตริย์ไทย อาจจะเป็นคำถามที่สังคมตั้งข้อสังเกตได้
“หากแต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลกลับปล่อยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้อาศัยสถานการณ์นี้เพื่อเดินหน้าโครงการ ทั้งที่ยังมีปัญหาการคิดเห็นที่แตกต่าง และความขัดแย้งอย่างหนักในพื้นที่ เสมือนเป็นการข่มขืนประชาชนบนความทุกข์ที่มีอยู่แล้วมาเป็นเครื่องประกัน อันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรยิ่งกว่า” แถลงการระบุและว่า
จึงถือเป็นเงื่อนไขบีบบังคับให้เครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหินแทบไร้ทางออกอื่นใด จึงต้องออกมาสื่อสารกับสังคมให้รับรู้ถึงความเลวร้ายดังกล่าวด้วยความจำเป็น
รัฐบาลจะดึงดัน เดินหน้าสนับสนุนกลุ่มทุนถ่านหินผ่าน กฟผ.อย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือจะหันกลับมาเงี่ยหูฟังเสียงของประชาชน เพื่อรับรู้เหตุผลด้วยหัวใจจริง เป็นเพียงสองทางเลือกที่รัฐบาลจะกระทำได้ และสังคมจะเฝ้าติดตามท่านอย่างไม่กะพริบตา