xs
xsm
sm
md
lg

อาจหาญ! “กป.อพช.ใต้” ประกาศปฏิญญา 30 ปีสู่สีเขียว จี้เลิกโรงไฟฟ้าถ่านหิน-แลนด์บริดจ์ หยุดใช้ ม.44 สร้างเงื่อนไข อัดเละ รธน.ประชามติสุดพิกลพิการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “กป.อพช.ใต้” ประกาศปฏิญญา 30 ปีอย่างอาจหาญ! เดินหน้าพัฒนาภาคใต้สู่ “ภูมิภาคสีเขียว” จัดการทรัพยากรยั่งยืน และคืนสันติสุขแผ่นดินไฟใต้ ขอเวลา 5 ปีทำโซลาร์เซลล์เต็มพื้นที่ จี้รัฐ และทุนเลิกสร้างมหันตภัยจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน และแลนด์บริดจ์หนุนอุตสาหกรรมหนัก กร้าวหยุดใช้ ม.44 สร้างเงื่อนไข ชี้ รธน.ฉบับประชามติสุดพิกลพิการก้านสิทธิและเสรีภาพ มุ่งเพิ่มอำนาจรัฐ ลดอำนาจประชาชน

 

 

วันนี้ (30 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดกิจกรรม “30 ปี กป.อพช.ใต้ : บทเรียนการเคลื่อนไหวภาคประชาชนภาคใต้ (ชุมคน ชุมชน คนใต้)” ซึ่งคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) จัดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ สถาบันทักษิณคดีศึกษา ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา โดยมีนักพัฒนาเอกชน (NGOs) แกนนำชุมชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ นักศึกษา ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศิลปินเพื่อสังคม สื่อมวลชนในภาคใต้ และส่วนหนึ่งจากทั่วประเทศเข้าร่วมประมาณกว่า 300 คน

 

โดยในช่วงบ่ายวันนี้ นายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ กป.อพช.ใต้ ได้ร่วมกันอ่าน“ปฏิญญา 30 ปี กอ.อพช.ใต้” เรื่อง “ภาคใต้..การพัฒนาสู่ภูมิภาคสีเขียว” มีเนื้อหาสาระดังนี้ 30 ปีแห่งการลุกขึ้นมาจัดการตนเองของชุมชนภาคใต้ ได้ก่อเกิดรูปธรรมการพึ่งตนเองในหลากหลายประเด็น เช่น การจัดการประมงและทรัพยากรทะเลชายฝั่ง การจัดการที่ดิน การจัดการพลังงาน การจัดการน้ำ การสร้างรูปธรรมระบบเกษตรทางเลือกที่ยั่งยืน เป็นต้น 

 

 

และ 30 ปี ที่ผ่านมา ได้ก่อเกิดนวัตกรรมการจัดการมากมาย จนสามารถสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ นิเวศวัฒนธรรม ท่ามกลางภัยคุกคามนานัปการที่รุกเร้าภาคใต้อย่างรุนแรงตลอดมา หาก 30 ปีที่ผ่านมาไม่มีปฏิบัติการของชุมชนในการยับยั้งภัยคุกคาม และสร้างรูปธรรมการจัดการตนเอง ภาพของภาคใต้วันนี้อาจจะไม่เป็นเช่นที่เราเห็นทุกวันนี้ 

 

เรายืนยันว่า 30 ปีที่ผ่านมาเป็นการเดินทางบนความยากลำบาก ด้วยกระแสแห่งทุน และกลไกของรัฐเองที่ถาโถมเข้ามาเพื่อการแย่งชิงการใช้ทรัพยากร สนองประโยชน์บนฐานการไม่เคารพกันและกัน แต่เรายืนยันว่า เส้นทางสายนี้คือทางเดินที่ถูกต้อง มีแต่การลุกขึ้นมาจัดการตนเองบนความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่จะสามารถเข้าใจบริบท และก่อเกิดการจัดการที่ไม่ทำลายล้าง เราจึงยืนยันว่า

 

 

1.เราจะสร้างปฏิบัติการ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ สายน้ำ ทะเล ที่ดิน และระบบเกษตรทางเลือก รวมถึงการปกป้องสิทธิชุมชน ชาติพันธุ์ ผู้บริโภค และความสงบสุขสันติภาพของพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ต่อเนื่องจากเดิม เพื่อสร้างความสุข และความสมดุลแก่ชีวิตของคนภาคใต้ แม้ว่าอำนาจรัฐ และทุนจะคุกคามเรามากขึ้นทุกวัน

 

2.เราจะสร้างรูปธรรมการจัดการด้านพลังงานของภาคใต้ให้สามารถพึ่งตนเองได้ โดยจะขับเคลื่อนต่อเนื่องกันไปนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และคาดว่าภายในอีก 5 ปีข้างหน้า โซลาร์เซลล์จะเกิดขึ้นทั่วทั้งภาคใต้ 

 

3.เราจะสร้างความร่วมมือของประชาชน วิชาการ เอ็นจีโอ สื่อมวลชน ในการขับเคลื่อนภาคใต้ไปสู่การจัดการตนเองอย่างเข้มแข็งยั่งยืน บนฐานทรัพยากรที่เรามีอยู่จริง

 

 

เราเชื่อว่าภาคใต้มีศักยภาพในการจัดการตนเองได้ เพราะพื้นฐานของสภาพทางภูมิศาสตร์ และทุนแห่งรูปธรรมการจัดการที่สรรสร้างมาอย่างยาวนาน จะสามารถนำเราไปสู่วันข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง ที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่าโครงสร้างทางเศรษฐกิจของภาคใต้ขึ้นอยู่กับการเกษตร ประมง ท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งสามารถจ้างงานได้อย่างมหาศาล และยิ่งเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเป็นภูมิภาคที่มีรายได้ลำดับต้นของประเทศ และเป็นภูมิภาคที่มีความสุข และความพึงพอใจสูงสุดของประเทศ

 

เราจึงขอยืนยันว่า เราสามารดำรงชีวิตในวันนี้ และจะไปสู่อนาคตได้อย่างมั่นคงภายใต้พื้นฐานที่มีอยู่ หากภาครัฐ และกลุ่มทุนจะต้องเคารพการตัดสินใจ และออกแบบการดำเนินชีวิตของเราเอง ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติตามคำเรียกร้องเราดังนี้

 

 

1.ต้องยกเลิกการสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในทุกพื้นที่ของภาคใต้  เพราะทั่วโลกได้พิสูจน์แล้วว่า มลพิษจากถ่านหินคือ ฆาตกรเงียบที่ฆาตกรรมมนุษย์มาแล้วไม่น้อย ทั้งยังทำลายสิ่งแวดล้อมจนย่อยยับมาแล้วทั่วโลก การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจึงเท่ากับเป็นการทำลายศักยภาพของภาคใต้โดยตรงอย่างเลือดเย็น 

 

2.ยกเลิกโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ และการสร้างอุตสาหกรรมหนัก นิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เส้นทางขนส่งแลนด์บริดจ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำลายฐานทรัพยากรที่สำคัญตลอดชายฝั่งทะเลภาคใต้ อันเป็นความไม่สอดคล้องต่อศักยภาพของภาคใต้ที่มีอยู่ และจะนำไปสู่การทำลายความมั่นคงยั่งยืนทางเศรษฐกิจของคนใต้ในระยะยาว 

 

3. หยุดการใช้อำนาจพิเศษ โดยเฉพาะ ม.44 เพื่อออกคำสั่ง สร้างกฎหมายที่จะสร้างเงื่อนไขเพื่อนำไปสู่การเกิดขึ้นของโครงการ หรือกิจกรรมที่จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อฐานทรัพยากรโดยรวมของภาคใต้

 

4รัฐธรรมนูญฉบับที่จะลงประชามติ ประเด็นสิทธิชุมชนอ่อนด้อยลงกว่ารับธรรมนูญฉบับปี 2550 เนื้อหาสำคัญส่วนหนึ่งหายไปคือ “สิทธิที่จะดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่อง สิ่งแวดล้อมที่ไม่ก่อให้อันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพหรือคุณภาพชีวิตของตนย่อมได้รับการคุ้มครอง...” รวมถึงการจำกัดเสรีภาพการชุมชน การได้รับข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจรัฐ ลดอำนาจประชาชนหลายมาตรา ด้วยการเพิ่มข้อความ “ตามสิทธิที่กฎหมายบัญญัติ” และ “อำนาจแห่งกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ...” โครงสร้างอำนาจอธิปไตยในการบริหารประเทศ ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และองค์การอิสระไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยโดยประชาชน

 

 

เรากำหนดอนาคตการพัฒนาของเราได้ หากรัฐไม่คิดทำลายเราด้วยการสร้างรูปแบบการพัฒนาที่ไม่เหมาะสม และการออกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เราจึงขอยืนยันในสิ่งที่ได้ทำมาแล้ว และจะดำเนินการเช่นนี้ต่อไป เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจภาคใต้ได้พิสูจน์มาแล้วว่า การทำเกษตร ประมง ท่องเที่ยว สามารถสร้างสมดุลชีวิตได้มากกว่าการพัฒนาให้เป็นแผ่นดินมลพิษจากการอุตสาหกรรมหนัก เราจึงขอประกาศว่า

 

“ภาคใต้ จะเป็นภูมิภาคที่พัฒนาไปสู่การพัฒนาสีเขียว” 

 

เราขอประกาศที่จะยืนยันในท่าทีดังกล่าวนี้อย่างมุ่งมั่นร่วมกัน ผ่านกระบวนการเชื่อมร้อยเครือข่ายคนภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาของรัฐที่เราไม่ต้องการ และจะประสานความร่วมมือระหว่างกันเพื่อสร้างรูปธรรมการพัฒนา ที่จะนำพาภาคใต้ไปสู่ความมั่นคงยั่งยืนต่อไป ภายใต้แนวคิดการพัฒนาภาคใต้สู่สีเขียว และเราขอประกาศว่า

 

“เราจะร่วมมือกันที่จะต่อสู้กับทุกอำนาจที่ไม่ชอบธรรมทุกรูปแบบที่จะเข้ามาทำลายความเป็นภาคใต้ของเราอย่างถึงที่สุด”

 














 
 


กำลังโหลดความคิดเห็น