ศูนย์ข่าวภาคใต้ - เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “นายกรัฐมนตรีไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาของ กฟผ. กรณีเปิดประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่” เรียกร้องสั่งยกเลิกการประมูลทันที
วันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “นายกรัฐมนตรีไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาของ กฟผ. กรณีเปิดประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่” โดยระบุว่า
จากกรณีที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เปิดประมูล และประกาศผลการประมูลบริษัทที่ให้ราคาต่ำสุดในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินจังหวัดกระบี่ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงที่นายกรัฐมนตรีลงนามจากข้อเรียกร้องของเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน 3 ประการ คือ ให้ยุติกระบวนการอีไอเอ ให้ยุติการประมูล ให้พิสูจน์การใช้พลังงานหมุนเวียน 3 ปี โดย 2 ประการแรกได้รับการปฏิบัติทันที ประการที่ 3 ให้ตั้งกรรมการ 3 ฝ่ายขึ้นมาพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการ
จนกระทั่งปัจจุบัน กรรมการ 3 ฝ่ายยังไม่มีข้อยุติ แต่ กฟผ.ได้ละเมิดข้อตกลงด้วยการประกาศผลการประมูล ซึ่งเดิมทีนั้น ทางเครือข่ายได้ผ่อนปรนข้อตกลงนี้ด้วยการให้เกิดการประมูลเชิงเทคนิค แต่ กฟผ.ยังละเมิดข้อตกลงต่อไปด้วยการเปิดประมูลราคาเข้าไปด้วย นอกจากนี้ ในการดำเนินการของกรรมการ 3 ฝ่าย ไม่เกิดความจริงใจในการดำเนินการ ไม่พยายามหาทางออกแต่พยายามทุกวิถีทางในการนำไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ยังใช้วิธีการในการล็อบบี้ ข่มขู่ และหยิบยื่นผลประโยชน์ให้แกนนำ
การดำเนินการของ กฟผ.ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพข้อตกลง และแสดงให้เห็นว่าไม่เห็นคำสั่งนายกรัฐมนตรี อยู่ในสายตา เพราะ กฟผ.รู้ดีว่าใครคือผู้มีอำนาจตัวจริง เพราะหากนายกรัฐมนตรีมีอำนาจจริง กฟผ.คงไม่ละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน แสดงให้เห็นว่า ภัยคุกคามตัวจริงของประชาชนคือ กลุ่มทุนพลังงานรวมตัวกับอำนาจรัฐ
โดยนัยนี้แสดงให้เห็นว่า คสช.ใช้อำนาจเพื่อกลุ่มทุนตลอดมา เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินจึงมีความเห็นว่า หากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านจะทำให้การใช้อำนาจของกลุ่มทุนกับ คสช.คุกคามประชาชนมากขึ้น ทางเครือข่ายจึงขอให้นายกรัฐมนตรียกเลิกการประมูลของ กฟผ. และให้ทุกฝ่ายทำตามข้อตกลงที่ทำไว้กับเครือข่าย คือ ‘ให้มีการพิสูจน์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของจังหวัดกระบี่ เป็นเวลา 3 ปี ภายใต้การสนับสนุนสายส่งของรัฐบาล’ และเลิกเล่นการเมืองในการประชุมอนุกรรมการทั้ง 3 ชุด ของกรรมการ 3 ฝ่าย เลิกดำเนินการต่อแกนนำไม่ว่าทางใด
หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการตามข้อตกลงเดิม ทางเครือข่ายจะมีปฏิบัติการตอบโต้ต่อรัฐบาล และปฏิบัติอื่นร่วมกับนานาชาติ จากเครือข่ายการประชุมโลกร้อนที่ปารีส ต่อไป