ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ประกอบการเกี่ยวเนื่องการท่องเที่ยวภูเก็ต หอการค้า สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพภูเก็ต ชมรมมัคคุเทศก์อันดามัน ร่วมมอบดอกไม้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่รัฐหลังจับกุมดำเนินคดีผู้บริหารบริษัททรานลี่ฯ นอมินีต่างชาติ ขณะที่รองผู้บังคับการภูเก็ต เผยผู้ต้องหารายสำคัญ “กฤชกร รุ่งมงคลนาม” เข้าพบตำรวจแล้ว พร้อมถอนประกัน ฝากขังนัดแรก 12 วัน มั่นใจอีก 2 เดือนรวบรวมสำนวนเสร็จส่งฟ้องศาลได้
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ศาลากลาง จ.ภูเก็ต ตัวแทนผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หอการค้า และประชาชนทั่วไป เช่น นายจรัล ส่างสาร เลขาธิการหอการค้าจังหวัดภูเก็ต นายศุภชัย วัฒนาพรินทร สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพภูเก็ต น.ส.อรทัย อายุพงศ์ รองประธานชมรมมัคคุเทศก์อันดามัน ตัวแทนแทนจากสมาคมท่องเที่ยวอันดามัน และตัวแทนจากภาคประชาชน ร่วมกันมอบช่อดอกไม้ให้แก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐที่ร่วมกันปราบปราม และจับกุมบริษัททรานลี่ฯ ซึ่งเกี่ยวข้องต่อนอมินีที่ทางด้านการท่องเที่ยว โดยมี นายประเจียด อักษรธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นตัวแทนรับมอบ
โดย นายจรัล ส่างสาร เลขาธิการหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องต่อการท่องเที่ยวมามอบช่อดอกไม้ให้แก่ทางหน่วยงานภาครัฐในครั้งนี้เพื่อขอบคุณหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมกันแก้ไขปัญหา และปราบปรามนอมินีอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการในท้องถิ่นได้รับผลกระทบจากการประกอบธุรกิจของกลุ่มทุนใหญ่เป็นอย่างมาก เนื่องจากทำธุรกิจแบบครบวงจร หลังจากที่ทางหน่วยงานภาครัฐเข้ามาดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้ผู้ประกอบการรู้สึกดีขึ้น
เช่นเดียวกับ น.ส.อรทัย อายุพงศ์ รองประธานชมรมมัคคุเทศก์อันดามัน กล่าวว่า ที่ผ่านมา ผู้มัคคุเทศก์ หรือไกด์คนไทยได้รับผลกระทบจากการประกอบธุรกิจของนอมินิเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริษัทเหล่านี้จะไม่ใช้คนไทยทำหน้าที่ไกด์ให้บริการนักท่องเที่ยว แต่จะใช้คนจีนมาทำหน้าที่แทน เมื่อทางจัดหวัดเข้ามาจัดการต่อผู้ประกอบการที่เป็นนอมินี ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องต่อการท่องเที่ยว และไกด์เป็นอย่างมาก จึงอยากให้ทางจังหวัดดำเนินมาตรการจัดการกลุ่มนอมินีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ตัวแทนจากสมาคมท่องเที่ยวอันดามัน กล่าวว่า ทางสมาคมเห็นด้วย และสนับสนุนให้จังหวัดจัดการต่อผู้ประกอบการที่เอาเปรียบคนไทย ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเหล่านี้ไม่เคยให้ความสำคัญต่อผู้ประกอบในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรถทัวร์ หรือเรือ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้จะมีการสั่งปิดบริษัทในเครือของทรานลี่ฯ ไปแล้ว แต่ทางผู้ประกอบการก็ยังได้รับผลกระทบเหมือนเดิม เนื่องจากทางบริษัทดังกล่าวยังมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก รถก็ยังใช้รถจากต่างจังหวัดเข้ามาวิ่งให้บริการ จึงอยากเรียกร้องให้ทางภาครัฐจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาดต่อไป
ด้า นนายประเจียด อักษรธรรมกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เรื่องการปราบปรามนอมินีถือเป็นนโยบายสำคัญที่ทางรัฐบาลมอบหมายให้ทางจังหวัดดำเนินการ ซึ่งทางจังหวัดได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยมีตนเป็นประธานคณะทำงาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะทำงาน รวมทั้งทางตำรวจ หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสำเร็จในการดำเนินการต่อบริษัทใหญ่อย่างทรานลี่ ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการประสานข้อมูลร่วมกัน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในการที่จะส่งฟ้องศาลต่อไป ในการดำเนินการนอมินีนั้นทางจังหวัดยังมีเป้าหมายที่จะต้องตรวจสอบอีกจำนวนมาก
ขณะที่ พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การจับกุมผู้บริหารบริษัททรานลี่ และตรวจสอบบริษัทที่เกี่ยวข้องในเครือทั้ง 17 แห่งนั้น เกิดจากความร่วมมือของคณะทำงานทุกฝ่าย ซึ่งจากการประชุมร่วมกันทางคณะทำงานได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบบริษัทนี้ก่อน เนื่องจากมีการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก ทางคณะทำงานโดยเฉพาะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูล และรวบรวมพยานหลักฐานนานกว่า 3 เดือน จนสามารถขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้จำนวน 2 ราย คือ นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล เป็นบุคคลต่างด้าวแต่อ้างว่าเป็นบุคคลสัญชาติไทยให้เจ้าหน้าที่ออกบัตรประชาชนแล้วนำไปจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจนำเที่ยว
ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุม นายกฤชกร ได้แล้ว ส่วน นายวีระชัย กำลังอยู่ระหว่างหลบหนี นอกจากนั้น ยังดำเนินการตรวจยึดเอกสารต่างๆ จาก 17 บริษัทที่อยู่ในเครือข่ายมาตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยมีการแจ้งข้อกล่าวหา 4 ข้อหาด้วยกัน ประกอบด้วย 1.เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ใช้หรือแสดงบัตรประชาชนอันเกิดจากการยื่นคำขอมีบัตรโดยมิได้มีสัญชาติไทยด้วยการปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ 3.แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ประชาชนหรือผู้อื่นเกิดความเสียหาย และ 4.แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อ นายกฤชกร นั้น ล่าสุด นายกฤชกร ได้มาพบกับพนักงานสอบสวนแล้วเมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) หลังถูกเรียกให้มารายงานตัว ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งถอนประกัน พร้อมนำตัว นายกฤชกร ไปขออำนาจศาลจังหวัดภูเก็ตฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม โดยในส่วนของตำรวจได้เสนอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ส่วนการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้มีการสอบปากคำไปแล้วหลายปากเพื่อรวบรวบพยานหลักฐาน และทำสำนวนส่งฟ้องศาลต่อไป ซึ่งคาดว่าในการรวบรวมพยานหลักฐานนั้นจะใช้เวลาอีกประมาณ 2 เดือน ก็น่าจะสามารถส่งฟ้องศาลได้
พ.ต.อ.สมาน ยังได้กล่าวต่อไปถึงการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จากการสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ตอนนี้ในส่วนของการจดทะเบียนบริษัททั้ง 17 แห่ง ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้แจ้งยกเลิกการจดทะเบียนบริษัททั้งหมดแล้ว ทำให้บริษัทในเครื่องทั้ง 17 บริษัทก็ได้ปิดตัวลง ส่วนเรื่องของการยึดทรัพย์ขณะที่ทางสำนักงาน ปปง.ก็กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดไปมีมูลค่าเท่าไหร่ยังไม่มีการประเมิน