xs
xsm
sm
md
lg

ทนายเจ้าของที่ดินหาดพาราไดซ์โต้นายกเล็กป่าตองสั้งรื้ออาคาร ยันขออนุญาตถูกต้อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทนายความตัวแทนเจ้าของที่ดิน ส.ค.1 หาดพาราไดซ์ ป่าตอง แถลงโต้กรณีนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง จะรื้ออาคารที่สร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตทั้งหมดในพื้นที่ ยืนยันยื่นขออนุญาตตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่งงสั่งให้ไปขอออกโฉนด พร้อมยกเลิกคำขอ ทั้งๆ ที่ปลัดฯ ยัน ส.ค.1 ตรุงกับจุดที่ยื่นขอก่อสร้าง ระบุการให้สัมภาษณ์ทำกระทบต่อธุรกิจ และพนักงาน

เมื่อวานที่ผ่านมา ที่บริเวณหาดพาราไดซ์ ม.3 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายนิทัศน์ ประเสริฐเนติกุล ทนายความของ นายโสภณ เอกวานิช เจ้าของที่ดินเอกสารสิทธิ ส.ค.1 เลขที่ 276 หมู่ที่ 3 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ซึ่งให้บริษัท พาราไดซ์ บีช เมเนจเมนท์ จำกัด โดย นายชัฎ เอกวิกานนท์ กรรมการของบริษัทฯ เช่าประกอบธุรกิจกิจ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ถึงกรณี น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนภายหลังมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีปัญหาที่ดินดังกล่าวที่ห้องประชุมศาลากลาง จ.ภูเก็ต ว่า จะมีการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างบริเวณหาดพาราไดซ์ เนื่องจากก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต

ว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว นายโสภณ เอกวานิช ซื้อมาจาก นางเล็ก ทิศทอง เนื้อที่ 20 ไร่ 2 งาน ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการปล่อยเช่าให้แก่ นายเพียร เมื่อหมดสัญญา และทางเจ้าหน้าที่เข้ามาจัดระเบียบชายหาด ก็ได้ให้บริษัท พาราไดซ์ บีช เมเนจเมนท์ จำกัด โดย นายชัฎ เอกวิกานนท์ กรรมการของบริษัทฯ เป็นผู้เช่าทำประโยชน์ด้วยการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับการให้บริการประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ และมีการลงทุนไปประมาณ 100 ล้านบาท ในพื้นที่พัฒนาเพื่อประกอบธุรกิจประมาณ 6 ไร่ โดยมีอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อน

ซึ่งในการดำเนินการ ทางบริษัท พาราไดซ์ บีช เมเนจเมนท์ จำกัด ได้ ยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างอาคารตามแบบ ข.1 ต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น คือ เทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เลขรับที่ 534 4/2558 ลงวันที่ 4 กันยายน 2558 โดยใช้หลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 276 ประกอบ ต่อมา วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ได้แจ้งต่อนายชัฎ เอกวิกอานนท์ ที่ทวงถามหนังสือขออนุญาตก่อสร้างตอนหนึ่ง ว่า เทศบาลฯ ได้พิจารณาแล้วจากการตรวจสอบเอกสาร และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินเพื่อให้มีความรอบคอบ และถูกต้อง ควรให้ทำการยื่นคำขอออกเอกสารสิทธิในที่ดินเพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดพิสูจน์สอบสวน และขอยกเลิกคำขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ข.1 เลขที่รับ 5344/2558 ลงวันที่ 4 กันยายน 2558 และหากรังวัดพิสูจน์สอบสวน หรือเอกสารสิทธิเสร็จเรียบร้อยแล้วให้ยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างอาคารต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น

นายนิทัศน์ กล่าวว่า การที่ น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ได้เกษียนหนังสือเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2559 โดยระบุว่า เพื่อความรัดกุม ควรแจ้งให้ผู้ครอบครองในที่ดินยื่นขอรังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิในที่ดิน เพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดพิสูจน์สอบสวนนั้น ไม่น่าจะเป็นการทำหน้าที่ที่ถูกต้องของนายกเทศมนตรีเมืองป่าตองนัก แม้ว่าเทศบาลเมืองป่าตอง จะรับหนังสือเกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างทางบริษัท พาราไดซ์ บีช เมเนจเม้นท์ จำกัด แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้อนุญาต เพราะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการนำเอกสารสิทธิ ส.ค.1 ที่นำมาขออนุญาตก่อสร้าง ว่า มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไรจึงยังไม่อนุญาต ในขณะที่ข้อเท็จจริงเป็นที่รับทราบกันดีว่า ในการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ไม่ว่าจะมีเอกสารสิทธิประเภทใด มักจะมีการทำควบคู่กันไประหว่างการก่อสร้างกับการยื่นขออนุญาตจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่ปกติ และกรณีนี้ เทศบาลเมืองป่าตอง ในฐานะองค์กรปกครองท้องถิ่นนั้นก็จะมีหน้าที่พิจารณาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคาร ระยะถอยร่น และความสูงต่างๆ เท่านั้น ไม่น่าจะมีอำนาจในเรื่องของการสั่งให้ไปออกเอกสารสิทธิ

นายนิทัศน์ ยังได้กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบเอกสารพบว่า ปลัดเทศบาลเมืองป่าตอง ได้ระบุในหนังสือส่งถึงนายกฯ ว่า ผลการตรวจสอบที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 276 มีอยู่จริง และเป็นที่ดินแปลงเดียวกับแปลงที่ยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างอาคาร จึงควรอนุญาต นำ ส.ค.1 ดังกล่าวเป็นหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินประกอบคำขออนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 นายชัฎ เอกวิกานนท์ ได้นำ นายบุญจันทร์ ทิศทอง ทายาทของ นางเล็ก ทิศทอง นายมานิจ อยู่เย็น สมาชิกสภาเทศบาลเมืองป่าตอง และนายเรืองชัย อัครพงศ์สกุล อดีตผู้ใหญ่บ้าน มาทำการสอบสวน และนำชี้ที่ดินแปลงนี้ สรุปการสอบสวน ส.ค.1 เลขที่ดังกล่าว หมู่ที่ 3 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต มีอยู่จริง และเป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ใช้ประกอบการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยได้นำแจ้ง น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง รับทราบด้วยแล้ว จึงไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงต้องมีการยกเลิกคำขออนุญาตก่อสร้างของทางบริษัท

จากการที่ทางนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า จะมีการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างบริเวณหาดพาราไดซ์ ภายหลังจากมีการประชุมติดตามผลความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินหาดพาราไดซ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้รื้อถอนอาคาร โรงแรม ดิสโก้เธค ซึ่งสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายในพื้นที่ของหาดพาราไดซ์ โดยอ้างถึงการร้องเรียนจากศูนย์ดำรงธรรม กรณีมีผู้ร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากล และการเข้าจัดการพื้นที่ที่ขัดต่อกฎหมาย จึงส่งผลให้ เทศบาลเมืองป่าตอง ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และปฏิบัติตามมติของที่ประชุมนั้น ได้สร้างความเสียหายให้แก่ทางบริษัทฯ อย่างมาก ทั้งในส่วนของพนักงานบริษัท พาราไดซ์ บีช เมเนจเม้นท์ จำกัด ประมาณ 200 คน ที่ทราบกระแสข่าวดังกล่าวได้เกิดความวิตกกังวล และบางส่วนพยายามที่จะไปติดต่อหางานทำใหม่ ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวที่เคยมาใช้บริการก็มีความกังวล ไม่กล้ามาใช้บริการ และชะลอการเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ สร้างความเสียหายให้แก่ธุรกิจค่อนข้างมาก

ซึ่งตามขั้นตอนทางกฎหมาย การจะรื้ออาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ทางเทศบาลฯ จะต้องมีการมาติดประกาศเพื่อให้เจ้าของอาคารรื้อถอนภายใน 30 วัน และในส่วนของเจ้าของอาคารก็สามารถที่จะทำเรื่องอุทธรณ์ได้ หากความเห็นไม่ตรงกันระหว่างทางท้องถิ่น กับเจ้าของอาคารก็สามารถที่จะยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขอให้พิจารณาต่อไป แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการมาปิดประกาศให้มีการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างแต่อย่างใด ซึ่งทางบริษัท พาราไดซ์ บีช แมนเนจเมนท์ จำกัด ขอยืนยัน ว่า ในการยื่นขออนุญาตก่อสร้างอาคาร และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ นั้น ได้ดำเนินการขออนุญาตตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดทุกประการ และได้มีการยื่นขออุทธรณ์คำสั่งของทางเทศบาลฯ

และเรายอมรับว่า ไม่ได้รับใบอนุญาตจริง ซึ่งการที่ไม่ได้ใบอนุญาตนั้นได้สร้างความกังขา และสร้างข้อสงสัยให้แก่ทางบริษัทฯ ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของนายกเทศมนตรีป่าตอง ซึ่งไม่ได้มีอำนาจในการตรวจสอบเอกสารสิทธิตามที่อ้างถึง เพราะมีอำนาจเพียงอนุญาตหรือไม่เท่านั้น และทางบริษัทได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกประการ ในส่วนของ ส.ค.1 นั้น ทางบริษัทฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน หรือมีสิทธิครอบครองที่ดินแต่อย่างใด เป็นเพียงการเช่าช่วงต่อมาจากเจ้าของที่ดิน และผู้ครอบครอง และมีสัญญาเช่าเป็นหลักฐานยืนยัน
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น