ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต นั่งประธานประชุมแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินหาดพาราไดซ์ พื้นที่ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต หลังมีการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ที่ประชุมเห็นชอบให้รื้อถอนอาคาร โรงแรม ดิสโก้เธค สร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ (12 พ.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ชั้น 1 นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมติดตามผลความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินหาดพาราไดซ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ครั้งที่ 2 กรณีมีการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ว่า มีการบุกรุกก่อสร้างอาคาร โรงแรม ดิสโก้เธค และบุกรุกขุดตักหน้าดิน ตัดต้นไม้ และขุดปะการัง ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานปฎิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต (ส.ป.ก.) บริเวณหาดพาราไดส์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2558 ทางจังหวัดภูเก็ต ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุม และหารือแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น หลังมีการร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต จากการประชุมในครั้งนี้ พบข้อเท็จจริงว่า ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินโครงการป่าเทือกเขานาคเกิด โดยมีบุคคลรายหนึ่งยื่นคำขอทำประโยชน์ และเป็นผู้ได้สิทธิในที่ดิน ตามมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต เมื่อ พ.ศ.2537 ต่อมา มีการตรวจสอบพบว่า บุคคลรายดังกล่าวไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และไม่ใช่เป็นผู้ที่ไม่มีที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรม และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต มีมติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2538 ให้บุคคลดังกล่าวสิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน และให้ออกจากที่ดิน ส.ป.ก. และแจ้งว่าขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร ซึ่งบุคคลดังกล่าวทราบมติแล้วแต่ก็ยังเพิกเฉยไม่ยอมออกจากที่ดิน
ต่อมา ส.ป.ก.เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่บุคคลดังกล่าวเป็นคดีความแพ่ง และคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้บุคคลดังกล่าว พร้อมบริวารออกจากที่ดิน และให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของบุคคลดังกล่าว พร้อมบริวารออกจากที่ดิน ส.ป.ก. และเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 เจ้าพนักงานบังคับคดี ได้ทำการปิดประกาศให้บุคคลดังกล่าว และบริวารออกจากที่ดิน และให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันปิดประกาศ แต่ครบกำหนดแล้วไม่มีใครยื่นคัดค้าน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ได้ให้แต่ละหน่วยงานรายงานผลการดำเนินการที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะในส่วนของทางเทศบาลเมืองป่าตอง ซึ่งดูแลในเรื่องของสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ โดยรายงานว่า ได้มีการแจ้งให้ระงับการก่อสร้าง และห้ามใช้อาคารไปแล้ว โดยขอให้มีการนำหลักฐานเรื่องของที่ดินมายื่นขอก่อสร้างอาคารใหม่ และทางผู้ประกอบการก็ได้มายื่นแล้ว แต่เนื่องจากว่ายังไม่ชัดเจนเรื่องของหลักฐาน จึงยังไม่ได้มีการออกใบอนุญาต และระงับใบคำขอ ส่วนของการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่มีการยื่นมาใหม่นั้นก็ให้ว่ากันไปตามขั้นตอน และเนื่องจากการปลูกสร้างอาคารก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับอนุญาต ทางที่ประชุมมีมติให้ทางเทศบาลฯ ไปปิดประกาศให้มีการรื้อถอน ซึ่งในส่วนทางเจ้าของอาคารสามารถอุทธรณ์ได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย
ด้าน น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง เปิดเผยว่า ในส่วนของเทศบาล ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องการก่อสร้างอาคาร หลังมีการร้องเรียนจากชาวบ้านก็ได้เข้าตรวจสอบพบว่า มีการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาต จึงได้สั่งระงับก่อสร้างอาคาร และห้ามใช้อาคารจนกว่าจะมีการขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่ก็ยังมีการฝ่าฝืนคำสั่งด้วยการก่อสร้างอาคารอย่างต่อเนื่องจนแล้วเสร็จ และมีการใช้อาคารอยู่ ทางเทศบาล จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.กะทู้ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทเอกชนผู้ครอบครองอาคารดังกล่าว ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ขณะเดียวกัน กรรมการฯ ในที่ประชุมวันนี้มีมติให้แจ้ง ค 7 คือ ให้มีการรื้อถอนอาคาร ตนก็ยินดีที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะมีคำสั่งให้มีการรื้อถอนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้ ถ้ายังไม่รื้อถอนภายในระยะเวลาที่กำหนด ทางเทศบาลจะเข้าดำเนินการเรื้อถอนต่อไป
วันนี้ (12 พ.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ชั้น 1 นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมติดตามผลความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินหาดพาราไดซ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ครั้งที่ 2 กรณีมีการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ว่า มีการบุกรุกก่อสร้างอาคาร โรงแรม ดิสโก้เธค และบุกรุกขุดตักหน้าดิน ตัดต้นไม้ และขุดปะการัง ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของสำนักงานปฎิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต (ส.ป.ก.) บริเวณหาดพาราไดส์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2558 ทางจังหวัดภูเก็ต ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชุม และหารือแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น หลังมีการร้องเรียนเข้ามายังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต จากการประชุมในครั้งนี้ พบข้อเท็จจริงว่า ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินโครงการป่าเทือกเขานาคเกิด โดยมีบุคคลรายหนึ่งยื่นคำขอทำประโยชน์ และเป็นผู้ได้สิทธิในที่ดิน ตามมติคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต เมื่อ พ.ศ.2537 ต่อมา มีการตรวจสอบพบว่า บุคคลรายดังกล่าวไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และไม่ใช่เป็นผู้ที่ไม่มีที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรม และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต มีมติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2538 ให้บุคคลดังกล่าวสิ้นสิทธิการเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน และให้ออกจากที่ดิน ส.ป.ก. และแจ้งว่าขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร ซึ่งบุคคลดังกล่าวทราบมติแล้วแต่ก็ยังเพิกเฉยไม่ยอมออกจากที่ดิน
ต่อมา ส.ป.ก.เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่บุคคลดังกล่าวเป็นคดีความแพ่ง และคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้บุคคลดังกล่าว พร้อมบริวารออกจากที่ดิน และให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของบุคคลดังกล่าว พร้อมบริวารออกจากที่ดิน ส.ป.ก. และเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 เจ้าพนักงานบังคับคดี ได้ทำการปิดประกาศให้บุคคลดังกล่าว และบริวารออกจากที่ดิน และให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลภายในกำหนดเวลา 8 วัน นับแต่วันปิดประกาศ แต่ครบกำหนดแล้วไม่มีใครยื่นคัดค้าน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ได้ให้แต่ละหน่วยงานรายงานผลการดำเนินการที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะในส่วนของทางเทศบาลเมืองป่าตอง ซึ่งดูแลในเรื่องของสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ โดยรายงานว่า ได้มีการแจ้งให้ระงับการก่อสร้าง และห้ามใช้อาคารไปแล้ว โดยขอให้มีการนำหลักฐานเรื่องของที่ดินมายื่นขอก่อสร้างอาคารใหม่ และทางผู้ประกอบการก็ได้มายื่นแล้ว แต่เนื่องจากว่ายังไม่ชัดเจนเรื่องของหลักฐาน จึงยังไม่ได้มีการออกใบอนุญาต และระงับใบคำขอ ส่วนของการตรวจสอบเอกสารสิทธิที่มีการยื่นมาใหม่นั้นก็ให้ว่ากันไปตามขั้นตอน และเนื่องจากการปลูกสร้างอาคารก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับอนุญาต ทางที่ประชุมมีมติให้ทางเทศบาลฯ ไปปิดประกาศให้มีการรื้อถอน ซึ่งในส่วนทางเจ้าของอาคารสามารถอุทธรณ์ได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย
ด้าน น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง เปิดเผยว่า ในส่วนของเทศบาล ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องการก่อสร้างอาคาร หลังมีการร้องเรียนจากชาวบ้านก็ได้เข้าตรวจสอบพบว่า มีการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาต จึงได้สั่งระงับก่อสร้างอาคาร และห้ามใช้อาคารจนกว่าจะมีการขออนุญาตให้ถูกต้อง แต่ก็ยังมีการฝ่าฝืนคำสั่งด้วยการก่อสร้างอาคารอย่างต่อเนื่องจนแล้วเสร็จ และมีการใช้อาคารอยู่ ทางเทศบาล จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.กะทู้ เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อบริษัทเอกชนผู้ครอบครองอาคารดังกล่าว ในความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ขณะเดียวกัน กรรมการฯ ในที่ประชุมวันนี้มีมติให้แจ้ง ค 7 คือ ให้มีการรื้อถอนอาคาร ตนก็ยินดีที่จะทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะมีคำสั่งให้มีการรื้อถอนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้ ถ้ายังไม่รื้อถอนภายในระยะเวลาที่กำหนด ทางเทศบาลจะเข้าดำเนินการเรื้อถอนต่อไป