นราธิวาส - เสริมเฮลิคอปเตอร์แบบเอ็มไอ 17 โปรยน้ำ 3,500 ลิตรต่อเที่ยว ดับไฟป่าสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพิ่มอีก 1 ลำ ขณะที่เปลวไฟในพื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดง ยังคงลุกไหม้จากใต้ชั้นผิวดินอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (16 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่บ้านซรายอ และบ้านลูโบ๊ะซามา ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น จนถึงขณะนี้ ไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมให้ดับได้สนิททั้งหมด บางจุดยังคงมีเปลวไฟ และกลุ่มควันที่พุ่งมาจากใต้ผิวดิน โดยยังคงมีไฟที่ไหม้ใต้ผิวดินอยู่อีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ใช้ทั้งการรดน้ำเข้าไปด้วยรถดับเพลิงแบบระยะไกล การแบกหาม และการใช้เฮลิคอปเตอร์ขนน้ำ รวมถึงการขุดวางท่อ และขุดแนวกั้นไฟเพื่อไม่ให้เปลวไฟกระจายจากใต้ชั้นผิวดินไปในพื้นที่อื่น
ขณะที่ในวันนี้ ได้มีการใช้เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ 17 (MI-17) V5 ในภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อไม่ให้ไฟลุกลามเข้าในพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชนเพิ่มเติมอีก 1 ลำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีเปลวลุกไหม้เข้าไปในพื้นที่ของป่าพรุสิรินธร หรือป่าพรุโต๊ะแดงเพิ่มเติมจากเดิม ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่พื้นที่ป่าพรุโต๊ะแดงแล้ว 800 ไร่ โดยเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปแบบ 17 (MI-17) V5 จะเข้าโปรยน้ำโดยใช้ Bambi bucket โปรยน้ำตัดหัวไฟในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นในชั้นผิวดิน โดยขนได้ประมาณ 3,500 ลิตรต่อเที่ยว
ด้าน นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการดับไฟป่ายังคงปฏิบัติการในทุกๆ วัน โดยในช่วงกลางวันเจ้าหน้าที่ยังคงทำแนวกั้นไฟเพิ่มเติม ด้วยการใช้รถแบ็กโฮขุด ส่วนกลางคืนยังคงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าเวรยามเพื่อดูเปลวไฟ เนื่องจากช่วงกลางคืนมีกระแสลมแรง เปลวไฟอาจลุกไหม้จากชั้นผิวดินได้ ซึ่งขณะนี้เองเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถควบคุมไฟที่ไหม้ได้ทั้งหมด
ส่วนด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังคงเดินหน้าแจกจ่ายหน้ากากอนามัยเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ดูแลตนเองในเบื้องต้น พร้อมตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ และเด็กเล็กอย่างต่อเนื่อง