นราธิวาส - จนท.ดับไฟเริ่มเข้าคุมไฟไหม้ป่าใน จ.นราฯ ให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้วหลายจุด แต่ที่บ้านบาโงซรายอ ยังค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากกระแสลมแรงได้พัดเอาสะเก็ดไฟข้ามแนวกันของ จนท.ลุกลามต่อไปอีก
วันนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีไฟไหม้ป่าพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน และได้ลุกลามเข้าพื้นที่ป่าสงวนลุ่มน้ำบางนราแปลงที่ 2 จนขยายพื้นที่ลุกลามเข้าป่าพรุโต๊ะแดง โดยเฉพาะในพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.สุไหงปาดี กับ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยภาพรวมในพื้นที่ ต.ปะลุรู ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี รวม 4 จุด เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมต้นเพลิงอยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ด้วยการใช้รถแบ็กโฮทำแนวกันไฟ
ส่วนพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 2 จุด คือ บ้านลูโบ๊ะซามา ม.8 ต.ปาเสมัส เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมต้นเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้วเช่นกัน แต่ในส่วนของพื้นที่บ้านบาโงซรายอ ม.1 ต.ปาเสมัส ที่ลุกไหม้อยู่ จำนวน 2 จุดใหญ่ คือ ด้านทิศเหนือของมัสยิดบ้านบาโงซรายอ เจ้าหน้าที่ก็สามารถสกัดกั้นต้นเพลิงไว้ได้บางส่วน แต่ด้านทิศใต้ของมัสยิดบ้านบาโงซรายอนั้น ไฟที่คุกรุ่นชั้นใต้ดินได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จากกระแสลมที่พัดแรง และได้พัดเอาสะเก็ดไฟข้ามแนวกันไฟที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำไว้ ทำให้เกิดไฟลุกลามเข้าพื้นที่ป่าสงวนลุ่มน้ำบางนราแปลงที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของมัสยิดมัรกัส ที่เจ้าหน้าที่กำลังใช้รถแบ็กโฮในการทำแนวกันไฟ
โดยเจ้าหน้าที่ต้องระดมชุดดับไฟป่า และประชาชนเข้าสนับสนุนฉีดน้ำดับไฟ รวมทั้งใช้เฮลิคอปเตอร์ของทหาร จำนวน 2 ลำ ตักน้ำจากคลองชลประทานบ้านลูกโบ๊ะซามา มาโปรยน้ำดับไฟเป็นการเร่งด่วน เพื่อป้องกันการลุกลามที่จะสร้างความเสียหายต่อผืนป่ามากกว่าที่เป็นอยู่ และเมื่อเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้สงบลง เจ้าหน้าที่ก็ต้องเร่งใช้รถแบ็กโฮในการทำแนวกันไฟที่จุดดังกล่าวต่อ
นอกจากนี้ ในส่วนของไฟไหม้ป่าพื้นที่ อ.ตากใบ จำนวน 2 จุด ซึ่งเหตุเกิดเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา คือ ที่บริเวณบ้านโคกชุมบก ม.5 ต.บางขุนทอง และพื้นที่บ้านโคกยาง ม.5 ต.พร่อน ทำให้พื้นที่ได้รับความเสียหายประมาณ 40 ไร่นั้น ล่าสุด เจ้าหน้าที่ก็สามารถเข้าควบคุมไฟไหม้ป่าได้แล้วประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการดับไฟด้วยเฮลิคอปเตอร์ทางอากาศ
