นราธิวาส - ไฟไหม้ป่าพรุในพื้นที่ 4 อำเภอของนราฯ ยังไม่มอดดับสนิท พบมีพื้นที่ไฟไหม้เสียหายแล้วกว่า 2,000 ไร่ ขณะที่ผู้ว่าฯ สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ให้ควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัด ป้องกันไฟลามไหม้ป่าพรุเพิ่มเติม
วันนี้ (12 พ.ค.) นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สรุปสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงปาดี อ.ยี่งอ และ อ.บาเจาะ ว่า สถานการณ์ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถดับไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด มีเพียงการดำเนินการให้ไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้นอยู่ในวงจำกัดเท่านั้น โดยในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ป่า รวม 1,600 ไร่ ในพื้นที่ บ.ซรายอ ต.ปาเสมัส 1,500 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าเสม็ด และพื้นที่สวนยาง 700 ไร่ พื้นที่ป่าพรุสิรินธร (ป่าพรุโต๊ะแดง) 800 ไร่ ส่วนในพื้นที่ บ.ลูโบ๊ะซามา มีพื้นที่ป่าเสียหาย 100 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าพรุ 50 ไร่ และพื้นที่ป่าสงวนลุ่มน้ำบางนรา 50 ไร่
สำหรับในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี มีพื้นที่ป่าถูกไฟไหม้เป็นพื้นที่ป่าสงวนลุ่มน้ำบางนรา 680 ไร่ พื้นที่ป่าศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นราธิวาส 150 ไร่ ในพื้นที่ อ.บาเจาะ มีพื้นป่าถูกไฟไหม้ใน ต.ลุโบ๊ะสาวอ เป็นพื้นที่ของเอกชนได้รับความเสียหาย 60 ไร่ และในพื้นที่ของ อ.ยี่งอ มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ บ.ตะโละมีญอ ต.ตะปอเยาะ และ บ.ลูโบ๊ะกูวิง ต.ลูโบ๊ะบือซา ซึ่งไฟได้ไหม้ในพื้นที่ของป่าอนุรักษ์ 120 ไร่ พื้นที่สวนปาล์มของประชาชน 50 ไร่ และพื้นที่ว่างเปล่าอีก 230 ไร่
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการควบคุมไฟไหม้ป่าในทุกพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยจะมีการสนธิกำลังเข้าปฏิบัติการในทุกๆ เช้าตั้งแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป แต่ด้วยความยากลำบากที่เกิดขึ้น เนื่องจากกระแสลมที่ไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้งไฟที่เกิดขึ้นเกิดจากชั้นใต้ผิวดิน ซึ่งน้ำมีจำนวนน้อยไม่สามารถเข้าถึงชั้นผิวดินได้ เนื่องจากจำนวนน้ำมีน้อยและจำกัด
ผู้ว่าฯ นราธิวาส ได้กล่าวถึงพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ด้วยว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ควบคุมไฟที่ไหม้ให้อยู่ในวงจำกัดให้ได้ เพื่อไม่ให้ไหม้ในพื้นที่ป่าพรุเพิ่มขึ้นด้วยการเร่งทำแนวกั้นไฟโดยการใช้รถแบ็กโฮขุดลงไปในดิน ใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำระยะไกล ใช้คนแบกหามน้ำ และใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงน้ำ ซึ่งขณะนี้ยังคงใช้เฮลิคอปเตอร์ จำนวน 3 ลำ ทั้งของกองทัพบก 2 ลำ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีก 1 ลำ