ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าของเรือสปีดโบตถูกเพลิงไหม้ 6 ลำ ขณะจอดเทียบชายหาดอ่าวฉลอง วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสรุปสาเหตุเพลิงไหม้เพื่อให้เกิดความชัดเจน ว่า ถูกวางเพลิง หรือไฟฟ้าลัดวงจร ขณะที่การให้บริการนักท่องเที่ยวยืนยันเดินหน้าต่อแม้จะได้รับความเสียหายจากเหตุดังกล่าวมหาศาล เผยสั่งต่อเรือเพิ่มแล้ว 3 ลำ เพื่อนำมาเสริมทัพ
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้เรือสปีดโบต ของบริษัท นิกรมารีน กรุ๊ป ซึ่งจอดเทียบท่าอยู่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 6 ลำ โดยเสียหายทั้งหมด จำนวน 5 ลำ และเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 19 เม.ย.2559 ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (21 เม.ย.) พ.ต.อ.มานัส จงวิมาณสินธุ์ นวท.(สบ 4)กชช.ศพฐ.8 พร้อมด้วย พ.ต.ท.วชิรา ละเอียดศิลป์ รอง ผกก.ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ หนูผึ้ง นักวิชาการวิทยาศาสตร์ชำนาญการ สพฐ.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปที่บริษัทนิกรมารีน กรุ๊ป ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบเรือนิกรมารีน 277 ซึ่งคาดว่า เป็นเรือต้นเพลิงที่เกิดเพลิงไหม้ เพื่อเก็บหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเร่งสรุปสาเหตุที่แน่ชัดต่อไปว่าเกิดจากสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ หลังจากทางเจ้าของเรือได้แจ้งขอให้เข้าเก็บหลักฐานใหม่ นอกจากนั้น ยังเดินทางไปตรวจเรืออีก 4 ลำ ซึ่งนำไปขึ้นคานที่ซอยโคกโตนดด้วย
นายพิสิษฐ์ ปภากิจยศพัฒน์ เจ้าของเรือกล่าวว่า ขณะนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งตรวจสอบเรือที่ถูกเพลิงไหม้ทั้งหมดเพื่อเร่งสรุปว่าสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ ทำให้ตน และคนในครอบครัวไม่สบายใจว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของคน หรือเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เรือที่ถูกเพลิงไหม้มีมูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท ถือว่ากระทบต่อธุรกิจของตนเป็นอย่างมาก ตนทำธุรกิจมากว่า 20 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนเรือที่เสียหายก็ไม่สามารถเรียกร้องจากใครได้เพราะในส่วนของตัวเรือไม่มีการทำประกันภัย
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันที่เกิดเหตุ พบว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นรถจักรยานยนต์ผ่านไป เพียงไม่กี่วินาทีก็เกิดเสียดังคล้ายระเบิดเสียงสนั่นหวั่นไหวเสียงดังไกลกว่า 300 เมตร และเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ตนคิดว่าไม่น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และยืนยันว่าตนทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวกว่า 20 ปี ไม่เคยขัดแย้งกับใคร ไม่เคยขายราคาตัดใคร ตนเน้นการบริการเป็นหลัก และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี และถือว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆ ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้โดยเร็วว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ส่วนการเดินหน้าธุรกิจนั้นยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าต่ออย่างแน่นอน และยังพร้อมให้บริการลูกค้าเช่นเดิม ส่วนเรื่องของเรือนั้น ขณะนี้ได้สั่งต่อเรือไปแล้ว จำนวน 3 ลำ ภายในเดือนหน้าก็สามารถนำมาใช้ได้แล้ว ซึ่งขณะนี้ในส่วนของบริษัทมีเรือสปีดโบตอยู่แล้ว จำนวน 30 ลำ เรือยอชต์ จำนวน 2 ลำ เรือท่องเที่ยวกีฬาประมาณ 10 ลำ และในช่วงที่เรือลำใหม่ยังต่อไม่เสร็จ ก็ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรในการให้เรือมาใช้ก่อน
ในส่วน พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ฉลอง กล่าวว่า ขณะนี้ได้เรียกพยานแวดที่อยู่ในเกิดเหตุทั้งก่อน และหลังเกิดเหตุมาสอบปากคำ ส่วนคนที่เฝ้าเรือขณะนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนั้น ยังให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ประกอบกับต้องคอยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก่อน เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้เรือสปีดโบต ของบริษัท นิกรมารีน กรุ๊ป ซึ่งจอดเทียบท่าอยู่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 6 ลำ โดยเสียหายทั้งหมด จำนวน 5 ลำ และเสียหายเล็กน้อย 1 ลำ เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 19 เม.ย.2559 ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (21 เม.ย.) พ.ต.อ.มานัส จงวิมาณสินธุ์ นวท.(สบ 4)กชช.ศพฐ.8 พร้อมด้วย พ.ต.ท.วชิรา ละเอียดศิลป์ รอง ผกก.ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ หนูผึ้ง นักวิชาการวิทยาศาสตร์ชำนาญการ สพฐ.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปที่บริษัทนิกรมารีน กรุ๊ป ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจสอบเรือนิกรมารีน 277 ซึ่งคาดว่า เป็นเรือต้นเพลิงที่เกิดเพลิงไหม้ เพื่อเก็บหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเร่งสรุปสาเหตุที่แน่ชัดต่อไปว่าเกิดจากสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ หลังจากทางเจ้าของเรือได้แจ้งขอให้เข้าเก็บหลักฐานใหม่ นอกจากนั้น ยังเดินทางไปตรวจเรืออีก 4 ลำ ซึ่งนำไปขึ้นคานที่ซอยโคกโตนดด้วย
นายพิสิษฐ์ ปภากิจยศพัฒน์ เจ้าของเรือกล่าวว่า ขณะนี้อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ รวมทั้งตรวจสอบเรือที่ถูกเพลิงไหม้ทั้งหมดเพื่อเร่งสรุปว่าสาเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ ทำให้ตน และคนในครอบครัวไม่สบายใจว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากการกระทำของคน หรือเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เรือที่ถูกเพลิงไหม้มีมูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท ถือว่ากระทบต่อธุรกิจของตนเป็นอย่างมาก ตนทำธุรกิจมากว่า 20 ปี ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนเรือที่เสียหายก็ไม่สามารถเรียกร้องจากใครได้เพราะในส่วนของตัวเรือไม่มีการทำประกันภัย
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันที่เกิดเหตุ พบว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นรถจักรยานยนต์ผ่านไป เพียงไม่กี่วินาทีก็เกิดเสียดังคล้ายระเบิดเสียงสนั่นหวั่นไหวเสียงดังไกลกว่า 300 เมตร และเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ตนคิดว่าไม่น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และยืนยันว่าตนทำธุรกิจด้านการท่องเที่ยวกว่า 20 ปี ไม่เคยขัดแย้งกับใคร ไม่เคยขายราคาตัดใคร ตนเน้นการบริการเป็นหลัก และได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี และถือว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นๆ ของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้โดยเร็วว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ส่วนการเดินหน้าธุรกิจนั้นยืนยันว่า ยังคงเดินหน้าต่ออย่างแน่นอน และยังพร้อมให้บริการลูกค้าเช่นเดิม ส่วนเรื่องของเรือนั้น ขณะนี้ได้สั่งต่อเรือไปแล้ว จำนวน 3 ลำ ภายในเดือนหน้าก็สามารถนำมาใช้ได้แล้ว ซึ่งขณะนี้ในส่วนของบริษัทมีเรือสปีดโบตอยู่แล้ว จำนวน 30 ลำ เรือยอชต์ จำนวน 2 ลำ เรือท่องเที่ยวกีฬาประมาณ 10 ลำ และในช่วงที่เรือลำใหม่ยังต่อไม่เสร็จ ก็ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรในการให้เรือมาใช้ก่อน
ในส่วน พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ฉลอง กล่าวว่า ขณะนี้ได้เรียกพยานแวดที่อยู่ในเกิดเหตุทั้งก่อน และหลังเกิดเหตุมาสอบปากคำ ส่วนคนที่เฝ้าเรือขณะนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำได้ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส นอกจากนั้น ยังให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ประกอบกับต้องคอยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก่อน เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป