xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายชายแดนใต้ลุยต่อทำเนียบยื่นนายกฯ ค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน พ่วง ม.44-คำสั่ง คสช.ฉบับ 3-4

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ เดินหน้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือนายกฯ ค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และ ม.44 กับคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 3-4

วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ ได้เดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้เพื่อยื่นหนังสื่อต่อนายกรัฐมนตรี หลังจากวานนนี้ได้เข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานนโยบายและแผน (สผ.) เรื่องประเด็นความไม่ชอบธรรมของกระบวนการจัดทำเวที ค.1 ค.2 และ ค.3 โรงไฟฟ้าถ่านหิน อ.เทพา จ.สงขลา และการไม่มีส่วนร่วมของคนปัตตานี ข้อเสนอให้มีการศึกษาผลกระทบในรัศมี 100 กิโลเมตร

ส่วนช่วงเช้าวันนี้เครือข่ายฯ ได้เข้ายื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล ประเด็นการใช้มาตรา 44 และคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 3-4 และคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ส่วนในช่วงบ่ายเครือข่ายฯ จะเข้าร่วมเวทีนักศึกษาธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของนักศึกษาและอาจารย์ และออกรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางช่อง News 1

นายดิเรก เหมนคร ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ (PERMATAMAS) กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา โดยเนื้อหาในหนังสือ ระบุว่า

สืบเนื่องจากการผลักดันโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลา โดย กฟผ.และรัฐบาล เป็นโครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ถึง 2,200 เมกะวัตต์ ตั้งบนพื้นที่ 3,000 ไร่ ใช้ถ่านหินมาเผาวันละ 23 ล้านกิโลกรัม ใช้น้ำทะเลในกระบวนผลิตวันละ 9 ล้านลูกบาศก์เมตร โครงการดังกล่าวส่งผลเสียอย่างมากต่อประชาชนในพื้นที่ กล่าวคือ ด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งตัวท่าเรือ และการใช้น้ำทะเล และปล่อยน้ำทิ้งลงทะเล ส่งผลต่อทะเล การกัดเซาะชายฝั่ง การดำรงชีวิตของปูปลากุ้งหอย ทำลายการประมงพื้นบ้าน ทำให้ป่าชายเลนผืนสำคัญเสื่อมโทรมลงไป รวมทั้งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก อันจะทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้น
 

 
ด้านสุขภาพ จากมลพิษทางอากาศจากฝุ่น โลหะหนัก สารไฮโดรคาร์บอน ที่ปล่อยออกมาตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะไม่เกินมาตรฐาน แต่ด้วยขนาดกำลังการผลิตที่ใหญ่มากทำให้จำนวนมลพิษสะสมในพื้นที่อย่างมาก ด้านสังคม ต้องมีการย้ายประชาชนกว่า240 ครัวเรือน กระทบต่อมัสยิดและกุโบร์ (สุสาน) 2 แห่ง วัด 1 แห่ง และโรงเรียนปอเนาะอีก 1 แห่ง ซึ่งต้องย้ายออกไป กระทบต่อหลักศรัทธาของประชาชนในพื้นที่อย่างยิ่ง

ด้านความมั่นคง โครงการดังกล่าวได้สร้างความแตกแยกในชุมชน จากการที่ กฟผ.ใช้เงินซื้อทุกอย่าง ใช้อำนาจอิทธิพลข่มขู่ อีกทั้งพื้นที่เทพา และชายแดนใต้มีปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบอยู่แล้ว โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาจะเป็นภัยแทรกซ้อนที่สำคัญ และเป็นเงื่อนไขใหม่ต่อการปะทุของสถานการณ์ความไม่สงบได้ ในปัจจุบัน กฟผ.ได้ส่งรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ให้แก่ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้ว การศึกษาผลกระทบฯ ในรายงานของ กฟผ.นั้น ได้ใช้วิชามารในการจัดทำรายงานและไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมาย และวิชาการ กล่าวคือ

1.ได้มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสังคมในรัศมีเพียง 5 กิโลเมตร โดยมีเจตนาที่จะไม่ทำการศึกษาเข้าไปในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ทั้งๆ ที่หมู่บ้านแรกของปัตตานีห่างจากโครงการเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้น อันแสดงถึงความไร้หลักวิชาการ ทั้งๆ ที่ผลกระทบนั้นไกลถึง 100 กิโลเมตร จึงควรที่จะตีกลับทั้งหมด เพื่อให้ไปทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพใหม่ให้ครอบคลุมรัศมี 100 กิโลเมตร 2.กระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งการทำ ค.1 ค.2 และ ค.3 มีความฉ้อฉล มีการซื้อเสียงด้วยการแจกสิ่งของในเวที ค.1 ไม่มีการรับฟังกลุ่มเห็นต่างในการทำเวที ค.2 และมีการใช้กำลังปิดกั้นการมีส่วนร่วมในเวที ค.3 รวมทั้งไม่มีการจัดเวทีสร้างการรับรู้ หรือการรับฟังความคิดเห็นใดๆ ในพื้นที่ปัตตานี ยะลา นราธิวาส แม้แต่ครั้งเดียว จึงควรที่จะให้ กฟผ.เริ่มต้นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นใหม่ทั้งหมด

ทางเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ(PERMATAMAS) ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชน และนักศึกษาในพื้นที่จังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล จึงขอให้ทางท่านนายกรัฐมนตรี ได้พิจารณาสั่งการให้หยุดกระบวนการการอนุมัติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาที่ฉ้อฉล ไม่มีหลักวิชาการ ไม่เป็นธรรมในทันที อย่าให้โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพากลายเป็นภัยแทรกซ้อนใหม่ที่จะทำให้สถานการณ์การสร้างสันติสุขในพื้นที่ต้องถอยหลัง ลำพังภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้สร้างความทุกข์ความลำบากให้แก่ประชาชนมากพอแล้ว ทำไมต้องเอาโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มากมายด้วยมลพิษ และการทำลายวิถีชุมชนมาซ้ำเติมคนพื้นที่อีก อย่าให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องหมดศรัทธาในรัฐบาล และกองทัพ ซึ่งจะยากที่กู้กลับคืนมา

ส่วนกำหนดการณ์การเคลื่อนไหวในวันต่อไป วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 ช่วงเช้า เข้ายื่นหนังสือสำนักงานจุฬาราชมนตรี (ประเด็นมัสยิด กุโบร์ ที่ดินวะกัฟ และผลกระทบ) ช่วงบ่าย ยื่นหนังสือกรรมการสิทธิฯ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ช่วงเช้า เข้ายื่นหนังสือสหประชาชาติ, สถานทูตอินโดนีเซีย, สถานทูตมาเลเซีย (ประเด็นสันติภาพ) ช่วงบ่าย ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม 19 กุมภาพันธ์ 2559 ออกรายการศูนย์กลางอิสลาม
 























กำลังโหลดความคิดเห็น