นครศรีธรรมราช - จนท.ไทย และมาเลเซียเข้าตรวจสอบซากเครื่องบินที่นครศรีฯ แต่ทุกฝ่ายยังไม่กล้าระบุความชัดเจน ด้านกองทัพอากาศ เข้าเก็บซากขึ้นซี 130 บินเข้า กทม.พิสูจน์ ผอ.ศูนย์นิรภัยการบินไม่ปฏิเสธเอี่ยว MH-370
วันนี้ (25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในการการคลี่คลายซากชิ้นส่วนเครื่องบินที่พบในพื้นที่ริมทะเลหมู่ที่ 9 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยตั้งแต่ช่วงเช้าคณะเจ้าหน้าที่ชุดใหญ่จากกรมการบินพลเรือน และสายการบินมาเลเซีย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของบริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินตระกูลโบอิ้งได้เดินทางเข้าพื้นที่ และเป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่จากมาเลเซียได้เข้าบันทึกภาพจุดที่มีซีเรียลนัมเบอร์ได้อย่างคล่องแคล่ว โดยไม่ต้องมองหานาน
ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกส่วนได้เก็บตัวอย่างจากตัวเพรียงที่เกาะอยู่ตามจุดต่างๆ ใส่ถุงเก็บหลักฐาน รวมทั้งชิ้นส่วนรังผึ้งอะลูมิเนียมที่อยู่ระหว่างผิวอะลูมิเนียมทั้ง 2 ชั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโส ได้กล่าวเกี่ยวกับชิ้นส่วนชิ้นนี้โดยไม่ปฏิเสธ หรือยอมรับว่า เป็นชิ้นส่วนเที่ยวบิน MH 370 โดยระบุเพียงว่า ขอให้รอฟังผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จากมาเลเซีย ส่วนชิ้นส่วนนี้ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ก่อนที่จะเดินทางออกไปจุดที่พบซากทันที
ซึ่งในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน พล.อ.ต.สรกฤต มังสิงห์ ผอ.ศูนย์นิรภัยการบินกองทัพอากาศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุ กองทัพอากาศ เข้าทำการตรวจสอบสภาพชิ้นส่วนอากาศยานเบื้องต้นที่พบในท้องที่หมู่ที่ 9 ต.ท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และเป็นที่น่าสังเกตเช่นเดียวกับทีมแรกเมื่อเข้าไปยังจุดที่พบ เจ้าหน้าที่สืบสวนอากาศยานอุบัติเหตุได้เข้าไปตรวจสอบซีเรียลนัมเบอร์ และจุดสำคัญทันที โดยมีการชี้จุดพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ด้วยกันอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่ พล.อ.ต.สรกฤต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายซากชิ้นส่วนชิ้นนี้ขึ้นรถบรรทุกของ มทบ.41 ที่เตรียมมา
ต่อมา พล.อ.ต.สรกฤติ มังสิงห์ ผอ.ศูนย์นิรภัยการบินกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ต้องนำไปเก็บไว้ยังศูนย์นิรภัยการบินท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อสงวนรักษาสภาพไว้ให้คงเดิมทั้งหมด เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปพิสูจน์ และจนขณะนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ชิ้นส่วนชิ้นนี้เป็นชิ้นที่เกี่ยวข้องต่อเครื่องบินอย่างไร หรือไม่ก็ต้องรอการตรวจสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้นำไปยังท่าอากาศนครศรีธรรมราช ที่เครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศ ที่มารอเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนนี้ท่ามกลางความสนใจของสำนักข่าวต่างประเทศ ที่คอยติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนฝ่ายทางการไทยยังคงสงวนท่าทีไม่แสดงความคิดเห็น หรือระบุข้อมูลที่ชัดเจนออกมาแต่อย่างใด
