ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กป.อพช.ใต้วิพากษ์หนักอำนาจ ม.44 นายกรัฐมนตรีควรใช้ไปในทางที่ถูกต้อง อย่าพร่ำเพรื่อ เตือนหากใช้อำนาจไม่เป็นธรรมจะทำให้เกิดแรงต้าน ห่วงจบไม่สวย
วันนี้ (24 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ได้อ่านแถลงการณ์ไปเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไข พ.ร.บ.การประมง มาตรา 34 ยกเลิกการบังคับใช้ผังเมืองรวมเอื้อทุนอุตสาหกรรม และยกเลิกการออกกฎหมายอนุญาตให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน และประเทศชาติ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
นายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการ กป.อพช.ใต้ กล่าวว่า “การปกป้องสิทธิของชุมชนท้องถิ่นในเรื่องของการดูแลรักษาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ต้องเฝ้าระวังติดตามเรื่องของโปรเจกต์ใหญ่ๆ โดยเฉพาะเรื่องพลังงานโดยการใช้ถ่านหิน เรายืนยันว่าจะไม่ให้มันเกิดขึ้นที่ภาคใต้ เพราะเราเชื่อว่าพลังงานถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่เป็นมลพิษต่อคนไทยแน่นอน และในเรื่องของโครงการขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้นทั้ง 2 ฝั่งทะเล ทั้งเรื่องของแลนด์บริดจ์ ท่าเรือน้ำลึก และเขตนิคมอุตสาหกรรม สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เรากำลังติดตามกันอยู่”
“เวลาของรัฐบาลในช่วง 1 ปีกว่าน่าจะทำให้เราเห็นอะไรบางอย่างของรัฐบาล จากเดิมที่เข้ามาด้วยเหตุผลเพื่อคลี่คลายปัญหาทางการเมือง และหาทางออกให้แก่ประเทศ ทำให้บ้านเมืองน่าอยู่ แต่ในช่วงหลังสิ่งที่กลายเป็นประเด็นกลับเป็นการแนะนำ และการสร้างนโยบายที่มีผลกระทบต่อชุมชน และคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายทวงคืนผืนป่า นโยบายการจัดการทะเล นโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุน แทนที่จะไปเน้นในการเดินหน้าในเรื่องที่ดี ทำให้สังคมสามารถไปต่อได้ และควรต้องรีบคืนประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน แต่สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นเรื่องรองที่รัฐบาลกำลังจะละเลย”
“ส่วนในเรื่องของอำนาจในมือของรัฐบาลก็ไม่ควรที่จะนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ มิใช่ทำเรื่องใดไม่ได้ก็จัดการใช้มาตรา 44 เข้าจัดการ โดยที่ผ่านมา ส่วนใหญ่การใช้ ม.44 ของรัฐบาลจะเป็นเรื่องที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนทุกเรื่อง และยังมีคำพูดที่ว่า ถ้าต้องการจะทำโครงการใดให้สำเร็จให้รีบจัดการในรัฐบาลนี้นั้น ก็ต้องอย่าลืมว่ารัฐบาลที่อำนาจได้เช่นนี้เพราะมาจากรากฐานของประเทศที่เบื่อหน่ายกับการเมืองช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากในวันนี้หลายสิ่งที่รัฐบาลทำเริ่มสร้างความเดือดร้อน ผมเชื่อว่าคนไทยจะไม่อยู่เฉยไปตลอด เรายังคงเฝ้ามองการทำงานของรัฐบาล หากสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ดีแล้วก็ดีไป แต่เมื่อไรมันเป็นสิ่งผิดคนไทยจะลุกขึ้นยืนหยัดอีกครั้งแน่”
“ณ วันนี้เราได้หยิบยกความเดือดร้อนในรอบปีที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดนี้ มันก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอที่เราจะต้องทำอะไรบ้างอย่าง ในส่วนของ กป.อพช.ใต้ เราคงจะต้องคอยดูในส่วนของโครงการที่จะมีผลกระทบในภาคใต้ และการเคลื่อนไหวร่วมกับเพื่อนต่างภาค เพื่อที่จะได้มีการจับตามองการกระทำของรัฐบาลอย่างเข้มข้นขึ้น หากรัฐบาลเกิดเพลี่ยงพล้ำอาจเกิดการตื่นตัวของภาคประชาชนได้” นายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการ กป.อพช.ใต้ กล่าว
ด้าน นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย กล่าวว่า ในส่วนของมาตรา 34 ที่กำหนดขอบเขตของพี่น้องประมงชายฝั่งไม่ให้ออกนอกระยะเกิน 3 ไมล์ทะเลนั้น เราถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานที่ร้ายแรง ไม่สามารถที่จะรับได้ เพราะฉะนั้นการที่พี่น้องประมงชายฝั่ง 18 จังหวัด ได้ออกเข้าเรียกร้องพร้อมยื่นหนังสือถึงรัฐบาลไปเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น เราในฐานะ กป.อพช.ใต้ ขอสนับสนุนการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เพื่อทวงสิทธิของพี่น้องประมงชายฝั่งต่อไป
ขณะเดียวกัน นายภาคภูมิ วิธารติรวัฒน์ ประธานสมัชชาองค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวปิดท้ายว่า ตอนนี้รัฐบาลมีอำนาจ ม.44 ที่กำหนดไว้ว่าหัวหน้า คสช.สามารถสั่งได้ทั้ง นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ แต่หากใช้อำนาจในทางที่ไม่เป็นธรรมมันจะทำให้เกิดแรงต้านขึ้น แล้วมันจะจบไม่สวย เพราะฉะนั้นการใช้อำนาจต้องใช้อย่างเป็นธรรมถึงจะเป็นการใช้ที่ถูกต้อง ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งใจที่จะมีชีวิตที่ดีเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นรัฐบุรุษ หรือเป็นผู้ที่ช่วยแก้ปัญหาให้แก่คนในชาติ มิใช่เป็นทรราช เพราะฉะนั้นท่านต้องตั้งหลัก และทบทวนในสิ่งที่จะทำ