xs
xsm
sm
md
lg

กป.อพช.ใต้จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หยุดใช้ ม.44 ทำลายฐานทรัพยากรชาติเอื้อนายทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ จัดประชุมสรุปสถานการณ์การขับเคลื่อนองค์กรภาคเอกชนประจำปี พร้อมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไข พ.ร.บ.การประมง มาตรา 34 ยกเลิกการบังคับใช้ผังเมืองรวมเอื้อทุนอุตสาหกรรม และยกเลิกการออกกฎหมายอนุญาตให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน และประเทศชาติ

วันนี้ (24 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ได้จัดประชุมประจำปีเพื่อสรุปสถานการณ์การเคลื่อนไหวในด้านต่างๆ ของเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งภายหลังการประชุมได้มีการออกแถลงการณ์ ในนามคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ เรื่อง “รัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาประชาชน” มีใจความว่า

หลังการบริหารประเทศของรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยแถลงต่อประชาชนเพื่อต้องการปฏิรูปประเทศไทยด้านต่างๆ โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมในสังคมไทย คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ได้จัดประชุมสมัชชาองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ประจำปี 2558 เพื่อวิเคราะห์แลกเปลี่ยนข้อเท็จจริง สถานการณ์ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ และของชุมชนภาคใต้ในรอบปีที่ผ่านมา เราพบว่า ในภาพรวมประชาชนภาคใต้กลับประสบปัญหาการดำรงชีวิตยากลำบากรุนแรงมากขึ้น โดยเกิดจากปัจจัยเงื่อนไขหลายประการ ทั้งจากรากเหง้าต้นเหตุปัญหาที่สะสมมาแต่เดิม ทั้งจากแนวนโยบาย และกฎหมาย และจากการปฏิบัติการที่ไม่เป็นธรรม
 

 
เพื่อสะท้อนปัญหาไปสู่รัฐบาล และผู้เกี่ยวข้องได้พยายามแก้ไขปรับปรุงมิให้ความตั้งใจแก้ไข ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมกลายเป็นต้นเหตุในการสร้างความ “อยุติธรรม” ในสังคม ให้เลวร้ายมากขึ้น คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้) ขอเรียกร้องและเสนอแนะแนวทางเพื่อประโยชน์แก่ประชาชน ดังนี้

1.กรณีเร่งรีบออกพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 แทนพระราชบัญญัติการประมงเดิม ทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบอาชีพประมงรายย่อย ประมงพื้นบ้านหลายประเด็น โดยเฉพาะกรณีมาตรา 34 ที่มีเนื้อหาห้ามชาวประมงพื้นบ้านทำการประมงนอกเขตประมงชายฝั่งเด็ดขาด ทั้งที่ชาวประมงพื้นบ้านคนท้องถิ่นเป็นประชากรส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ก่อปัญหาต่อทรัพยากร หรือทำให้รัฐเสียหายแต่อย่างใด เราเห็นด้วยว่าบทกำหนดดังกล่าวเกินความจำเป็น และจะทำให้ชาวประมงพื้นบ้านชายฝั่งทะเล (ส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้) จะได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรง เราเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งแก้ไขพระราชกำหนดการประมงใหม่ พร้อมทั้งยกเลิกมาตรา 34 ดังกล่าว

2.กรณีคำสั่ง คสช.ที่ 3 และ 4/2559 ให้ยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสำหรับการประกอบกิจการบางประเภท เปิดทางให้แก่โครงการด้านพลังงาน และกิจการในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวกโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท โดยเฉพาะด้านพลังงาน/รวมทั้งความพยายามของหน่วยงานที่ผลักดันโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า “ถ่านหิน” หลายแห่งในภาคใต้ เราเห็นว่าแนวทางดังกล่าวจะสร้างความหายนะให้แก่สังคม และความมั่นคงในชีวิตของคนภาคใต้ ทั้งระยะสั้น และระยะยาว เราเห็นว่า พลังงานจากถ่านหินเป็นกระบวนการที่อันตรายเกินไป ภาคใต้มีศักยภาพด้านอื่นๆ พอที่จะสร้างความมั่นคงทางพลังงานโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพา “ถ่านหิน” เราขอเรียกร้องให้รัฐบาล และ คสช.ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และยกเลิกการใช้ “ถ่านหิน” ในประเทศไทย
 

 
3.กรณีที่ดินที่อยู่อาศัย และที่ทำกินของประชาชนรายเล็กรายน้อยที่รัฐควรให้การดูแล และแก้ไขให้เกิดการแก้ไขปัญหาให้ยั่งยืนได้ แต่ คสช. และรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายทวงคืนผืนป่า อ้างว่าจะดำเนินการต่อนายทุนบุกรุกป่า แต่กลับรุกเข้าไปทำลาย ไล่รื้อในที่ดินของประชาชน เกษตรกรรายย่อย และในพื้นที่ชุมชนดั้งเดิมที่ประกอบอาชีพเพื่อรายได้ในครัวเรือน ไม่ปฏิบัติตามนโยบายโฉนดชุมชน ที่ถือเป็นแนวทางในการปฏิรูปที่ดินที่เป็นประโยชน์สำหรับชุมชน ซึ่งไม่ใช่เป็นการมอบกรรมสิทธิ์ให้เอกชน ทั้งจะยุบเลิกสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน มิหนำซ้ำยังจะออกกฎหมายให้นายทุนต่างชาติเช่าที่ดินในประเทศไทยได้ 99 ปี ในขณะที่ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 1 ใน 3 ของประเทศ ถูกถือครองโดยนายทุนต่างชาติอยู่แล้ว

เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดการรับรองสิทธิชุมชนในการดูแลจัดการที่ดิน และทรัพยากรในรูปแบบโฉนดชุมชน ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล และมีมติคณะรัฐมนตรีออกมาอยู่แล้ว ขอให้สนับสนุนการขยายระยะเวลาการดำเนินงานของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (บจธ.) ตลอดจนทบทวนแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ยกเลิกการออกกฎหมายอนุญาตให้ชาวต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี

“เรายังเห็นว่า คสช.กำลังใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชน และไปสนับสนุนกลุ่มทุนที่เป็นต้นเหตุของปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทำลายฐานทรัพยากรอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของชุมชนมากยิ่งขึ้น คสช.ควรทบทวน และยุติการใช้อำนาจนี้”
 
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น