พีมูฟร้อง “บิ๊กตู่” หยุดยุบธนาคารที่ดิน ถ่ายโอนโฉนดชุมชนอยู่ใน กก.ที่ดินแห่งชาติ

อุบลราชธานี - ชาวบ้านเครือข่ายพีมูฟจังหวัดอุบลราชธานียื่นหนังสือเรียกร้องถึง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี หยุดยุบธนาคารที่ดินและให้ถ่ายโอนสำนักงานโฉนดที่ดินชุมชนที่ดำเนินการเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติที่รัฐบาลตั้งขึ้นใหม่ เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาประชาชนไร้ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยต่อไป

วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี สมาชิกขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟของจังหวัด นำโดย นางหนูเดือน แก้วบัวขาว ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนมติ ครม.เมื่อเดือน พ.ย.ที่ให้ยุบธนาคารที่ดิน ซึ่งมีหน้าที่บริหารกองทุนใช้ช่วยเหลือผู้ที่ไร้ที่ดินทำกินและที่ดินอยู่อาศัย

ทั้งนี้ เพราะหากชาวบ้านเหล่านั้นถูกไล่รื้อที่ทำกิน กองทุนก็จะใช้เงินทุนที่รัฐให้ไว้จำนวนกว่า 600 ล้านบาทมาซื้อที่ดินให้ชาวบ้านที่ไม่มีที่อยู่อาศัยได้มีที่อยู่อาศัยแล้วผ่อนชำระคืนให้กองทุน การยุบธนาคารที่ดินจะส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ไร้ที่อยู่ที่ทำกินในอนาคต

พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนกรณีโฉนดชุมชนกว่า 400 แห่งทั่วประเทศ ที่ทางกลุ่มพีมูฟยื่นเสนอต่อรัฐบาลดำเนินการออกเป็นโฉนดชุมชน แต่ถึงปัจจุบันรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนจะดำเนินการอย่างไร ทั้งที่ได้มีการทำโครงการนำร่องไปแล้วบางภูมิภาค

แต่ต่อมารัฐบาลกลับมีการประกาศนโยบายจัดการที่ดินแห่งชาติ โดยมีการตั้งคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติขึ้นมาพิจารณาแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนที่ไม่มีที่ดินอยู่อาศัยและที่ดินทำกิน

หากรัฐไม่ประกาศให้เป็นพื้นที่ 400 ชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งได้ยื่นเรื่องขอเป็นโฉนดชุมชนไว้แล้ว ก็ให้รัฐบาลโอนพื้นที่ทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ เพื่อให้คณะกรรมการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านต่อไปด้วย

รวมทั้งให้รัฐมีการสำรวจพื้นที่ดินของประชาชนก่อนประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เพราะเกิดปัญหาหลังการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติไปทับซ้อนกับที่ดินทำกินของชาวบ้านที่อยู่มาก่อนอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้

ต่อมา นายนิกร สุกใส รองผู้ว่าฯ ได้ลงมารับหนังสือ พร้อมจะส่งข้อเรียกร้องของชาวบ้านพีมูฟไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อรับพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับจังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่เสนอให้มีการประกาศเป็นพื้นที่โฉนดชุมชนรวม 7 แห่ง ตั้งอยู่ทั้งเขตอำเภอวารินชำราบ โขงเจียม และอำเภอเมือง