ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ร้องผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ให้สอบวินัยนายก อบต.ปากบางเทพา ขู่เอาชีวิตแกนนำต้านถ่านหิน พร้อมตรวจสอบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อให้ยุติการโฆษณาหรือการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องต่อประชาชน
วันนี้ (15 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ดำรงธรรมศาลากลาง จ.สงขลา ตัวแทนเครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน เดินทางไปพบผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้สอบวินัยนายก อบต.ปากบาง และขอตรวจสอบที่ดินสาธารณะที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ไปยกให้โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา
ด้าน นายหมิด ชายเต็ม เครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพบผู้ว่าราชการ จ.สงขลา เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้สอบวินัย นายเกษม รามัญเศษ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง
กรณีเกี่ยวกับ คดีอาญาที่ ๔๕๒/๒๕๕๘ ปจว.ข้อ ๓ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยมีแนบหนังสือร้องเรียน จำนวน ๑ ฉบับ กรณีนายก อบต.ปากบางเทพา ข่มขู่เอาชีวิต โดยมีปลัดจังหวัดรับหนังสือแทนผู้ว่าราชการจังหวัด
นายหมิด กล่าวอีกว่า หลังจากปลัดจังหวัดออกมาพบ และได้สอบถามว่ามาร้องเรียนเรื่องอะไร ผมก็เล่าให้ฟังว่า ได้ถูก นายเกษม รามัญเศษ กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้าไปที่บ้านของข้าพเจ้ายามวิกาล ตบเตะทุบประตูเพื่อเรียกข้าพเจ้าในลักษณะข่มขู่คุกคาม เป็นเวลา ๑๐-๑๕ นาที เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ ๐๑.๑๕ น. ของวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ทำให้ข้าพเจ้าและครอบครัวซึ่งอยู่ด้วยกันในบ้านเลขที่ดังกล่าวข้างต้นเกิดความตกใจ และหวาดกลัว และหลังเกิดเหตุได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเทพา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความเป็นคดีแล้ว
แต่ นายเกษม รามัญเศษ มีตำแหน่งเป็นถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควรอย่างยิ่ง เป็นการกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ไม่ควรให้เกิดเป็นเยี่ยงย่างแก่ใคร ทั้งๆ ที่นายเกษม ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ปกครองท้องถิ่นย่อมต้องดูแลสุขทุกข์ของประชาชน กลับกระทำการอันเป็นการสร้างความไม่สงบสุขเสียเอง ข้าพเจ้าทั้งในฐานะผู้ถูกกระทำ และในฐานะลูกบ้านของนายเกษม จึงเรียนมายังท่านเพื่อขอให้ท่านได้โปรดตรวจสอบความประพฤติดังกล่าวของนายเกษม และมีคำสั่งลงโทษทางวินัยตามกฎหมาย และกฎระเบียบ
หลังจากเล่าเหตุการณ์ให้ปลัดจังหวัดฟังจบ ปลัดจังหวัดมีสีหน้าตกใจ และถามกลับว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือ ผมยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง และได้ถามปลัดจังหวัดว่าเป็นการกระทำของนายก อบต.ปากบางเทพา เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ปลัดจังหวัดตอบว่าไม่เหมาะสม และไม่ควรเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น โดยจะรับเรื่องไว้ และจะแจ้งให้ผู้ว่าฯ ได้ทราบเรื่องต่อไป และจะตรวจสอบเรื่องนี้ว่าเป็นจริงตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่ และจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
ด้าน นายสุไหล ชายเต็ม ตัวแทนเครือข่ายคนสงขลาปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน กล่าวว่า วันนี้ทางเครือข่ายมาร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา 2 เรื่อง คือ ให้สอบวินัยนายก อบต.ปากบางเทพา และขอทราบเกี่ยวกับการขอใช้ประโยชน์ และการขอถอนสภาพที่สาธารณประโยชน์ เพื่อประกอบกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกระบวนการขั้นตอนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ช่วงที่ผ่านมา ชาวบ้านทราบว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัทคอนซัล แทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด (บริษัทที่ปรึกษา) ได้ทำการศึกษา และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และโครงการท่าเทียบเรือสำหรับโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา โดยโครงการดังกล่าวมีพื้นที่ตั้งโครงการอยู่ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีที่สาธารณประโยชน์ที่ชุมชนใช้ร่วมกันอยู่ด้วย
นายสุไหล กล่าวอีกว่า เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งเป็นผู้อาจได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา รวมถึงอาจได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการขอใช้ และการขอถอนสภาพที่สาธารณประโยชน์ของโครงการดังกล่าว จึงมีความประสงค์ขอทราบข้อมูลว่า กฟผ. ได้มีการดำเนินการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในที่ดินสาธารณประโยชน์ ขอถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ และขออนุญาตใดๆ เพื่อใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และท่านเทียบเรือขนส่งถ่านหิน หรือไม่ อย่างไร พร้อมทั้งขอเอกสารที่ยื่นคำขอคำสั่งเกี่ยวกับคำขอ และเอกสารประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ขอทราบว่ากระบวนการขั้นตอนการขอใช้ และการขอถอนสภาพที่สาธารณประโยชน์ทั้งหมด และในปัจจุบันอยู่ถึงขั้นตอนไหน และจะมีกระบวนการขั้นตอนต่อไปอย่างไรบ้าง โดยขอให้ท่านอธิบายกระบวนการขั้นตอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ทราบด้วย พร้อมทั้งขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ขอทราบว่าท่านได้มีหนังสือชี้แจง หรือคำสั่งใดๆ ที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้แก่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง เพื่อดำเนินการในพื้นที่หรือไม่ อย่างไร พร้อมทั้งขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ขอทราบว่าได้มีการจัดประชุม และมีมติเกี่ยวกับการพิจารณาคำขอใช้ และการขอถอนสภาพที่สาธารณประโยชน์ เพื่อประกอบกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือไม่ อย่างไร พร้อมทั้งขอเอกสารรายงานการประชุม และมติของหน่วยงานท่าน เกี่ยวกับเรื่องการพิจารณาคำขอใช้ และการขอถอนสภาพที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าว พร้อมเอกสารประกอบการประชุม และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ขอทราบว่าในการดำเนินการขอใช้และ/หรือถอนสภาพพื้นที่สาธารณประโยชน์ดังกล่าวได้มีการจัดให้ข้อมูลข่าวสาร และจัดรับฟังความคิดเห็นต่อประชาชนในพื้นที่หรือไม่ อย่างไร พร้อมทั้งขอเอกสารเกี่ยวกับการการให้ข้อมูลข่าวสาร และการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการ และตรวจสอบการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อให้ยุติการโฆษณาหรือการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องต่อประชาชน หรือการให้ข้อมูลในลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดความแตกแยก และความเข้าใจผิดในชุมชนที่เกี่ยวกับกรณีการก่อสร้างท่าเทียบเรือ และโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือการดำเนินการใดๆ ที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดๆ ในชุมชน โดยเฉพาะการที่เจ้าหน้าที่ กฟผ.เข้าไปสำรวจต้นไม้ และเข้าไปรังวัดที่ดินในที่สาธารณประโยชน์ และให้ชาวบ้านในพื้นที่ลงชื่อรับรอง เนื่องจากสร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชน ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้ในอนาคต
โดยข้อมูลที่ขอคัดถ่ายดังกล่าวเป็นข้อมูลข่าวสารราชการตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารราชการ พ.ศ.2540 ซึ่งเป็นข้อมูลข่าวสารที่หน่วยงานรัฐต้องจัดให้มีไว้ และต้องไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ และผู้ร้องเรียนเป็นผู้ได้รับผลกระทบ หรืออาจจะได้รับผลกระทบจากการดำเนินการขุดเจาะดินทั้งในทะเล ชายฝั่งทะเล และชายหาดดังกล่าว จึงเป็นผู้มีสิทธิที่จะทราบข้อมูล และคัดถ่ายข้อมูลดังกล่าวได้
นายสุไหล กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากปลัดจังหวัดรับหนังสือก็ได้ให้คำตอบว่า กรณีเรื่องที่ดินสาธารณะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของนายอำเภอเทพา จึงได้เล่าให้ปลัดจังหวัดฟังว่า เมื่อวานได้เดินทางไปพบนายอำเภอเทพา เพื่อสอบถามกรณีการรังวัดที่ดินสาธารณะที่ยกให้โรงไฟฟ้าถ่านหิน นายอำเภอเทพา บอกว่าไม่รู้เรื่อง ให้ไปถามที่ดิน เมื่อไปถามที่ดินอำเภอเทพา ทางที่ดินอำเภอก็ไม่รู้เรื่อง สรุปชาวบ้านสับสนมากว่าเรื่องสำคัญของบ้านเมือง มีหน่วยงานไหนรับผิดชอบกันบ้าง ฝากไว้ก่อน แล้วชาวบ้านจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป