MGR Online - กองปราบปรามนำกำลังบุกตรวจค้นบ้านนายก อบต.ตลิ่งชัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ยึดอาวุธปืนไว้ตรวจสอบหาความเชื่อมโยงคดีคนร้ายบุกยิงสมาชิก อบต.เดียวกันช่วงปลายปีที่ผ่านมา พร้อมจับกุมคนสนิทในข้อหาอาวุธปืนและยาเสพติด
วันนี้ (15 ม.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก.รักษาการ ผบก.ป.สั่งการ พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว, พ.ต.ท.สุทธิชัย ไชยรัตน์, พ.ต.ท.พารินท จันทร์เลิศ, พ.ต.ท.ชัยฎิภูมิ อำนวยชัย รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ชยเดช ไคยฤทธิ์, พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.5 บก.ป นำกำลังร่วมกันบุกปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในจังหวัดนครศรีธรรมราชทั้งสิ้น 10 จุด
โดยจุดที่น่าสนใจ คือ นำหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ จ.6/2559 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 1/10 หมู่ 8 ต.ตลิ่งชัน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช บ้านของชัยวุฒิ แก้วยังดี นายก อบต.ตลิ่งชัน บ้านหลังดังกล่าวมีบ้าน 2 ชั้น ลักษณะเป็นครึ่งไม้ครึ่งปูน ติดริมถนนใหญ่ อยู่เยื้องกับสถานีตำรวจย่อย ต.ตลิ่งชัน
ต่อมานำหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ จ.11/2559 ลงวันที่ 14 ม.ค. 2559 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 128/2 หมู่ 7 ต.ตลิ่งชัน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นบ้านของนายอ่อง เรืองฤทธิ์ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ จ.384 /2558 ลงวันที่ 30 ต.ค. ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร
ทั้งนี้ ทันทีที่เจ้าหน้าที่เข้าไปถึงบ้านหลังดังกล่าวพบนายอ่อง จากการตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 6 นัดซุกซ่อนอยู่ใต้หมอนบริเวณกลางบ้าน รวมทั้งพบน้ำกระท่อมบรรจุขวดอยู่ในช่องแช่แข็งในตู้เย็น และพบต้นกระท่อมปลูกไว้ที่บริเวณบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และผลิตยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 (กระท่อม) โดยผิดกฎหมาย
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ภูมินทร์ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยจับกุมผู้กระทำความผิด 7 ราย พร้อมของกลางอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก กระสุนปืนเบอร์ 12 จำนวน 46 นัด อาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 5 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 133 นัด อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ขนาด.357 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 6 นัด น้ำต้มกระท่อม 1 ขวด ต้นกระท่อม 10 ต้น และตรวจยึดรถจักรยานยนต์ไว้ตรวจสอบ 20 คัน
พ.ต.อ.ภูมินทร์กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.ที่เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาอาชญากรรม และผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง โดยมอบหมายให้กองปราบปรามเข้ามาแก้ไขปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะคดีสำคัญอย่างคดีการเสียชีวิตนายประดิษฐ์ พันธ์คง อายุ 44 ปี สมาชิก อบต.ตลิ่งชัน ที่ถูกคนร้ายชาย 2 คนใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเข้ากลางหน้าอกต่อหน้าภรรยาและลูก หน้าบ้านพักเหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลังเกิดเหตุทางนางอารีย์ ภรรยานายประดิษฐ์ได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนยืนยันว่าผู้ก่อเหตุคือนายอ่อง เรืองฤทธิ์ และนายกิตติพงษ์ พรหมมา ต่อมาได้เข้ามอบตัวและศาลได้ให้ประกันตัวในเวลาต่อมา ทั้งนี้นายอ่องเป็นคนสนิทกับนายชัยวุฒิ นายก อบต.ตลิ่งชันอีกด้วย
พ.ต.อ.ภูมินทร์กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุนายอ่องได้ข่มขู่ทางภรรยาและครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่าหากให้การต่อตำรวจจะฆ่าให้ตาย ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตรู้สึกไม่ปลอดภัยจึงเข้าร้องเรียนกับทางกองปราบปรามเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้สอบปากคำพร้อมกำหนดจุดเสี่ยงต่างๆ โดยการตรวจค้นครั้งนี้เพื่อหาวัตถุพยานหลักฐานทางคดีเพิ่มเติม และทำการตรวจยึดเอกสารเกี่ยวกับการประมูลการจัดซื้อจัดจ้างใน อบต.ที่บ้านนายชัยวุฒิเพื่อส่งมอบให้ บก.ปปป.เข้าตรวจสอบว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ ในส่วนอาวุธปืนจะนำไปยิงทดสอบเปรียบเทียบ รวมทั้งยังตรวจสอบประวัติปืนว่าโยงกับคดีอาชญากรรมในพื้นที่หรือไม่
ด้านนายเกียรติภูมิ พันธ์คง น้องชายนายประดิษฐ์ ผู้ตายกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ลงแข่งขันชิงตำแหน่งนายก อบต.ตลิ่งชัน กับนายชัยวุฒิ 2 ครั้ง ครั้งแรกตนแพ้คะแนนแบบฉิวเฉียด กระทั่งครั้งที่ 2 ตนก็ลงแข่งกับนายชัยวุฒิอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีคนมาขู่ว่าหากลงสมัครแข่งขันก็จะถูกฆ่า และก็มีผู้หวังดีมาเตือนตนและพี่ชายว่าให้ระวังตัว ตนก็ไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งพี่ชายถูกคนร้ายลอบยิงจนเสียชีวิต ภายหลังก็ถูกขู่สารพัดว่าหากให้การต่อเจ้าหน้าที่ก็จะฆ่าให้ตาย ทำให้รู้สึกความไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตในพื้นที่ได้จึงเข้าร้องเรียนกับทางกองปราบปรามดังกล่าว