สุราษฎร์ธานี - นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสวนกล้วยหอมทองที่ปลูกแซมในสวนยางพารา อำเภอบ้านาเดิม ตามโครงการรัฐบาล พร้อมติดตามตรวจเยี่ยมกิจกรรมประชารัฐ และติดตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง
เมื่อเวลา 09.00 น. (28 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาตรวจเยี่ยมแปลงสาธิตการเรียนรู้การปลูกกล้วยหอมทองส่งออก ของ นายวิสูตร คันทรักษา อายุ 45 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี 1 ในเกษตรกรได้ตัดสินใจหันมาปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยางอายุ 1 ปี ตามนโยบายของรัฐบาล
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ก็ได้พบปะทักทายกับประชาชนที่มารอต้อนรับ พร้อมกับชมนิทรรศการเกี่ยวกับการปลูกกล้วยหอมทองส่งออก โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามนายวิสูตร ถึงการพัฒนาปลูกพืชสร้างรายได้เสริมในสวนยางพารา ซึ่งนายวิสูตร อธิบายด้วยความตื่นเต้นว่า ได้ศึกษาข้อมูลการปลูกกล้วยหอมทองจากอินเทอร์เน็ตแล้วมาดัดแปลงจนได้ผลสำเร็จ
ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ถามอีกว่า รายได้จากยางเป็นอย่างไร นายวิสูตร ตอบว่าก่อนหน้าได้รายได้ดีแต่พอราคายางถูกทำให้รายได้หายไปไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงได้ศึกษาการปลูกกล้วยหอมทอง และได้ตัดสินใจเอาพืชชนิดนี้ ที่ 7 เดือนเก็บเกี่ยวผลผลิต และสร้างรายได้ดีกว่ายางพารา และตลาดส่งออกยังต้องการสูงพร้อมได้ราคาดี ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชมนายวิสูตร เป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เรียนจบอะไรมา ซึ่งนายวิสูตร บอกว่าจบ ม.3 นายกฯ กล่าวชมว่า ขนาดจบ ม.3ได้ขนาดนั้น ถ้าจบปริญญาตรีคงเก่งกว่านี้ ซึ่งนายกฯ ใช้เวลาอยู่ที่สวนกล้วยนานประมาณ 30 นาที
หลังจากนั้น เดินทางต่อไปที่โรงเรียนบ้านหนองเรียน ชมนิทรรศการโครงการประชารัฐ และมอบเงินช่วยเหลือตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง 150 ราย รายละ 1,500 บาท แต่ไม่เกิน 15 ไร่ต่อคน พร้อมพบปะประชาชน ประมาณ 2 พันราย และทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงบริเวณจุดนิทรรศการอาหารใต้ ชาวบ้านได้ปรบมือเสียงดังขอให้นายกฯ ชิมอาหารใต้ ที่มีทั้งยาดอง ข้าวหมาก 3 คำ นายกฯ ถึงกับเปรยขึ้นอย่างอารมณ์ดีกว่ามึน และเมาแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ใช้เวลาอยู่ที่ ร.ร.บ้านหนองเรียน ประมาณ 40 นาที ก่อนไปที่กองบิน 7 ขึ้นเครื่องเดินทางไป จ.สงขลา ต่อไป
สำหรับสวนกล้วยหอมทองของ นายวิสูตร ที่ได้เล็งเห็นว่าราคายางพาราเริ่มตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จึงมีแนวความคิดปลูกกล้วยหอมทอง โดยเริ่มจากศึกษา และเข้าร่วมกลุ่มกับสหกรณ์เกษตรบ้านนาสาร จำกัด นำหน่อกล้วยหอมทองไปทดลองลงปลูกแซมในสวนยางพาราอายุ 1-3 ปี ในเนื้อที่จำนวน 3 ไร่ครึ่ง ซึ่งสามารถปลูกได้ 1,000 กว่าต้น โดยขอกู้เงินจาก ธ.ก.ส.ตามโครงการรัฐบาลสนับสนุนช่วยลดต้นทุนการผลิต จำนวน 100,000 บาท ดอกเบี้ย ร้อยละ 2 รัฐบาลออกให้ร้อยละ 3 มาลงทุน เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตเห็นว่ามีรายได้ดีกว่ายางพารา จึงได้ตัดสินใจโค่นต้นยางพาราอายุ 7 ปี ในพื้นที่ 3 ไร่ครึ่งข้างบ้าน แล้วทำการปลูกกล้วยหอมทองเชิงเดี่ยวทดแทน จึงทำให้ในขณะนี้มีพื้นที่ปลูกกล้วยหอมทองทั้งหมด 7 ไร่ จำนวน 2,000 กว่าต้น ปัจจุบันนี้มีรายได้เก็บผลผลิตกล้วยหอมขายอาทิตย์ละกว่า 25,000 บาทต่อเดือน นอกจากนั้น ยังได้แปรรูปกล้วยหอมทองที่ไม่ได้ขนาดส่งออกไม่ได้ มาทำเป็นกล้วยฉาบสร้างรายได้อีกประมาณวันละ 400 บาท
นายวิสูตร กล่าวต่อว่า การจะปลูกกล้วยหอมทองส่งไปขายยังประเทศญี่ปุ่นนั้น จะต้องมีการดูแลตั้งแต่เริ่มปลูก โดยให้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยหมักชีวภาพควบคู่กันไป แต่มีข้อห้ามไม่ให้ใช้ยาฆ่าแมลง เนื่องจากทางประเทศญี่ปุ่นจะคุมเข้มเรื่องการใช้ยาฆ่าแมลง ซึ่งจะทำให้มีสารพิษตกค้างผลผลิต พร้อมกับมีระบบการจัดการน้ำที่ดี ใช้ปุ๋ยปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้ต้นกล้วยเจริญเติบโต และให้ผลผลิตเร็ว และมีคุณภาพ