“ประยุทธ์” ลงพื้นที่สุราษฎร์ฯ ไปบ้านชาวสวนยาง ตามการแก้ปัญหายางราคาตกโดยการปลูกกล้วยหอมทองแซม ป้องปลูกแบบนี้ไม่ใช่คนบ้า มีปัญหาให้ปรึกษาหน่วยงานเกี่ยวข้อง ย้อนสื่อ-หมอดูทำนายแล้วใครเป็นนายกฯ คนต่อไป ขอชาวบ้านอย่าให้ใครมาหลอก
วันนี้ (28 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เดินทางไปยังบ้านนายวิสูตร คันทรักษา เกษตรกรชาวสวนยางพารา หมู่ที่ 4 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ในโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ในการปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยางพาราซึ่งเป็นมาตรการเสริมแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งจ.สุราษฎร์ธานีเป็นพื้นที่ผลิตกล้วยหอมทองส่งออกมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมีนายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าฯจ.สุราษฎร์ธานี ข้าราชการระดับสูง ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น เกษตรกรชาวสวนยาง และเกษตรกรปลูกกล้วยหอมทอง ประชาชนมาคอยให้การต้อนรับ
โดยนายกฯ ได้สอบถามนายวิสูตรถึงกระบวนการปลูกกล้วยหอมทองแซมสวนยาง พร้อมกับแนะนำให้หาวิธีการแปรรูปหลายๆอย่าง และขยายตลาดรองรับ ขณะที่นายวิสูตร กล่าวกับนายกฯว่า “บางคนก็ว่าผม การที่ปลูกกล้วยหอมทองแซมสวนยางแบบนี้เหมือนผมเป็นคนบ้า” ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า “ก็ทำดีแล้ว คนที่ว่าอย่างนั้นต่างหากคือคนบ้า” พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังแนะนำว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้ปรึกษาสหกรณ์จังหวัด กรมสงส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “หรือถ้าเก่งอยู่แล้ว ว่างหรือเปล่าล่ะ ไปสอนกระทรวงเกษตรฯ เขาหน่อยสิ"
จากนั้นนายกฯ ได้พบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ ซึ่งประชาชนอวยพรขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ไปอีก 10 ปี ขณะที่นายกฯ ยิ้มแล้วกล่าวตอนหนึ่งว่า “หนังสือพิมพ์ลงแล้วไม่ใช่หรือว่าใครเป็นนายกฯ คนต่อไป หมอดูอีทีก็ทำนายแล้วนี่ว่าใครเป็นนายกฯ คนต่อไป ผมไม่ใช่นักการเมือง เข้ามาช่วยลดความขัดแย้ง ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ก็ขอให้ช่วยกันสร้างความสงบให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ว่าใครเขามาหลอกอะไร ให้เงินหรือให้อะไรก็ไปกับเขาหมด” โดยช่วงท้ายนายกฯ ให้กำลังใจเกษตรกรว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ขอให้รักษาเอาไว้และขยายไปยังท้องถิ่นอื่นๆ ด้วย
สำหรับนายวิสูตร คันทรักษา เป็นเกษตรกรประกอบอาชีพสวนยางมายาวนาน แต่ประสบปัญหาราคายางพาราตกต่ำ จึงสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร เพื่อร่วมโครงการปลูกกล้วยหอมทองตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา โดยแบ่งพื้นที่มาปลูกกล้วยหอมจำนวน 13 ไร่ ได้รับผลผลิตเป็นที่พอใจ ส่งออกขายไปยังประเทศญี่ปุ่น ได้รับกำไรจากการขายกล้วยหอมทองประมาณ 21,800 บาทต่อไร่ ปัจจุบันนายวิสูตร คันทรักษา หันมาทำเกษตรแบบปราดเปรื่อง นอกจากปลูกกล้วยหอมทองแล้วได้แบ่งพื้นที่ทำสวนยางพาราจำนวน 30 ไร่ กรีดยางขายรายวันมีรายได้ประมาณ 1,100 บาท และปลูกปาล์มน้ำมันขายจำนวน 15 ไร่ มีรายได้เดือนละ 7-8 พันบาท นอกจากนี้ยังแบ่งพื้นที่ปลูกไม้เศรษฐกิจเพื่อให้ร่มเงารักษาความสมดุลทางธรรมชาติ และยึดหลักเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต