โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพรุ่งนี้นายกฯ ลงพื้นที่สุราษฎร์ธานี-สงขลา ชมมาตรการปลูกพืชเสริม ปลูกกล้วยหอมทองทดแทนยางพารา มอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง 350 ราย ก่อนเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ สงขลา แล้วเปิดด่านพรหมแดนสะเดาขาออก ชมเขตเศรษฐกิจสะเดาก่อนกลับกรุงเทพฯ
วันนี้ (27 ธ.ค.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 28 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดการเดินทางไปราชการที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.สงขลา เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล กิจกรรมประชารัฐ ติดตามผลสัมฤทธิ์จากมาตรการเสริมเรื่องของยางพารา ที่รัฐบาลได้มีลงไป เช่น การปลูกพืชเสริม การเลี้ยงสัตว์ควบคู่ไปด้วย เพราะไม่อยากให้ชาวสวนยางฝากชีวิตไว้กับการปลูกยางพาราเพียงอย่างเดียว เนื่องจากสุ่มเสี่ยงเวลาราคายางตกต่ำ จะทำให้ลำบาก หลังจากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกมาตรการกำกับเพิ่มเติมว่าใครปลูกพืชอื่นเสริมจะมีแหล่งเงินทุนไปให้ โดยจะมีเกษตรกรที่ทำแล้วดีขึ้นมาเป็นตัวอย่าง เพื่อเป็นแรงจูงใจชาวสวนยางในพื้นที่ หันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามที่รัฐบาลแนะนำ
ขณะเดียวกัน นอกจากติดตามนโยบาย การขับเคลื่อน ดูผลสัมฤทธิ์ ติดตามการทำงานของข้าราชการในพื้นที่ รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชน เพียงแต่ว่าเวลาไม่เยอะนัก แต่จะพยายามลงพื้นที่ให้มากขึ้น ตามที่นายกฯเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ปีที่สองของรัฐบาลนโยบายต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้นทุกเรื่องแล้ว เพียงแต่อยากติดตามผลสัมฤทธิ์ วางแผนไว้จากนี้ไปต้องมีความชัดเจนเป็นระยะๆ ว่า ระยะเวลาเท่านี้ต้องเกิดอะไรขึ้น ดัชนีชี้วัดคืออะไร เป็นไปตามนั้นหรือไหม ที่ได้วางไว้ตามโรดแม็ปในระยะเวลาที่เหลือ 1 ปี 6 เดือน
ทั้งนี้ การลงพื้นที่ของนายกฯ และคณะ จ.สุราษฎร์ธานี จะเดินทางไปดูโครงการปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยางพารา ตรวจเยี่ยมกิจกรรมประชารัฐ ในโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง จำนวน 350 ราย จากนั้น เดินทางไปนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับฟังบรรยายสรุปพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมเปิดศูนย์บริการลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง เดินทางไปด่านสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ทำพิธีเปิดและเยี่ยมชมอาคารด่านพรหมแดนสะเดาขาออก พบปะประชาชน พร้อมไปเยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.สะเดา จากนั้นนายกฯ และคณะเดินทางกลับกรุงเทพฯ.