ปัตตานี - คณะสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ลงติดตามเหตุระเบิดในกูโบร์ และเยี่ยมครอบครัว “อับดุลลายิบ” ผู้ต้องสงสัยเสียชีวิตในค่ายทหาร จี้ จนท.ต้องให้ความกระจ่างแจ้งต่อญาติ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (16 ธ.ค.) กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นำโดย นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นางรอชิดะ ปูซู ประธานเครือข่ายผู้หญิงยุติความรุ่นแรงแสวงสันติภาพ พร้อมคณะลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวอาสาสมัครทหารพรานซัยค์ เจ๊ะดอมะ เจ้าหน้าที่ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 เสียชีวิต และนายอาซิ เจ๊ะดอมะ อายุ 63 ปีผู้เป็นบิดา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากเหตุระเบิดขณะนั่งทำพิธีทางศาสนาบริเวณหลุมฝังศพ นางวาสนะ เจ๊ะดอมะ มารดา ในพื้นที่หมู่ 6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา
ด้านความคืบหน้าคดีกรณีเหตุระเบิดภายในกูโบร์ พ.ท.สุพรรณ ร้อยพุทธ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 กล่าวว่า “จากการทำงานร่วม 3 ฝ่าย ตอนนี้มีความคืบหน้าเรื่องคดีมาก สามารถเก็บวัตถุพยานที่เกี่ยวข้องต่อคนก่อเหตุได้แล้ว แต่ขอยังไม่เปิดเผย เนื่องจากต้องรักษารูปคดี ตอนนี้เจ้าหน้าที่พยายามทำงานเต็มที่ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นพยายามแยกหลายประเด็น ทั้งเรื่องความมั่นคง เรื่องส่วนตัวเพราะเขาเคยทำงานหลายฝ่าย ก็ต้องนำมาประกอบในการตั้งข้อสันนิษฐาน”
นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ทางกรรมการสิทธิมนุษยชน รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีเหตุการณ์ที่เกิดในกูโบร์ ที่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นต่อสุสานของพี่น้องมุสลิม และเป็นระเบิดที่รุนแรงมาก หลังจากที่ได้พูดคุยกับครอบครัวพบว่า ครอบครัวนี้เข้มแข็ง และพบว่า ด.ญ.ธัญชนก อายุ 10 ปี ลูกสาวคนเดียวซึ่งสนิทกับพ่อมากกำลังมีอาการซึมเศร้า ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล นางซันซานี เจ๊ะดอมะ แม่ของเด็กก็รู้สึกกังวล
“การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจ และติดตามความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ระเบิดในสุสานที่ จ.ยะลา และกรณีของนายอับดุลลายิ ที่ จ.ปัตตานี ที่ผ่านมา ทางอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนภาคใต้ ก็ให้ความสำคัญต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะขณะนี้ที่อยู่ในของการสร้างกระบวนการสันติภาพ ทุกฝ่ายก็ควรที่จะไม่ใช้กำลังต่อผู้บริสุทธิ์ หวังว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกในพื้นที่”
สำหรับการเรียกร้องพื้นที่ปลอดภัยจากทุกภาคส่วนนั้น มองว่าทางกองกำลังติดอาวุธทุกฝ่ายจะต้องเคารพร่วมกันในฐานะที่เป็นประชาชน และองค์กรสิทธิมนุษยชนก็เรียกร้อง และเฝ้าระวัง ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันเพราะสิ่งเหล่านี้คือความมั่นคง คืออนาคต
จากนั้นทางคณะได้เดินทางต่อไปยังบ้านของ นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคงที่เสียชีวิตในห้องควบคุมตัวของหน่วยข่าวกรองทางทหารส่วนหน้า จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา
ซึ่งได้พบกับ นางกูรอสเมาะ ตูแวบือซา ภรรยา นายอับดุลลายิ ดอเลาะ ที่บ้านเลขที่ 85/1 หมู่ 1 ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558 ทางครอบครัวได้ร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิถึงข้อกังวลที่ นายอับดุลลายิ มีอาการเครียด หวาดกลัว อ่อนเพลียวิตกกังวล และวันที่ 4 ธันวาคม 2558 เขาก็ได้เสียชีวิต ซึ่งจากการร้องเรียนทางคณะกรรมการสิทธิก็ต้องเข้ามาดู เราเสียใจ เขาร้องมาแล้ว เขาเสียชีวิตก่อนที่เราจะตรวจสอบ เมื่อมีคำร้องมาแบบนี้ อนุกรรมการภาคใต้จะลงมาตรวจสอบ
คงต้องเชิญผู้ร้องเรียนมาให้ข้อมูลก่อน หลังจากนั้นคงจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ประกอบกับเอกสารของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งพยานทั้งปากคำผู้ร้อง ผู้เกี่ยวข้อง และผลสอบของแพทย์มาประกอบกัน
“เราไม่ใช่ศาล ไม่สามารถบอกได้ใครผิดใครถูก เราสามารถจะให้ข้อเสนอแนะได้ว่า ในกระบวนการการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ควรปฏิบัติย่างไร สิทธิของผู้ถูกควบคุมตัวเป็นอย่างไร กรณีเกิดการเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ผิด หมายถึงเจ้าหน้าที่ต้องทำเรื่องของการสู้ศาลสู่กฎหมาย เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายเป็นใคร ใครทำให้ตาย และตายอย่างไร
ศาลจะเป็นผู้ชี้ว่าใครเป็นผู้ทำให้ตาย ถ้าหากตายธรรมชาติ หรือมีผู้ทำให้ตายพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการทำคดีต่อไป ความรับผิดชอบที่สอง เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวต้องดำเนินการ เรื่องฟื้นฟูจิตใจ และเยียวยาครอบครัว เนื่องจากว่าเรื่องนี้เป็นการเสียชีวิตระหว่างควบคุมตัว วันนี้ที่เราคุยเรารู้สึกได้ว่า สิ่งที่ครอบครัวต้องการที่สุดคือ ความจริง วันนี้เขาไม่เชื่อว่าสามีเขาตายปกติ เจ้าหน้าที่ต้องอดทนในการให้ข้อมูล เรื่องแบบนี้กระทบจิตใจประชาชน ทำให้ความไว้วางใจหายไป ลดน้อยไป สร้างใหม่ไม่ง่าย ต้องระวัง”
นางกูรอสเมาะ ตูแวบือซา ภรรยา นายอับดุลลายิ ดอเลาะ กล่าวว่า “ขอยืนยันว่าไม่เชื่อต่อผลที่แพทย์ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ จ.สงขลา แถลง เป็นไปไม่ได้ อยากเรียกร้องให้ กาชาดสากลที่เข้ามาตั้งสำนักงานอยู่ที่ จ.ปัตตานี เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย เพราะยังไงๆ ก็ไม่ไว้ใจคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา ไม่สามารถไปร่วมนั่งเป็นกรรมการ และร่วมรับฟังได้ตามที่เจ้าหน้าที่เขาต้องการ”
