ศูนย์ข่าวภูเก็ต - DSI แถลงเตรียมเรียกตัวผู้กระทำความผิดคดีบุกรุกอุทยานสิรินาถมาแจ้งข้อกล่าวหาภายในเดือนมกราคม 2559 จำนวน 2 แปลง มูลค่าความเสียหาย 2 พันล้านบาท ระบุมีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย นายกิตติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดีการบุกรุกอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งทางอุทยานฯ สิรินาถ ได้มีร้องทุกข์ต่อทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินการรับเป็นคดีพิเศษ จำนวน 7 แปลง ตั้งแต่เมื่อต้นปี 2558 ที่ผ่านมา และจากการเก็บรวบรวมหลักฐาน รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ทำให้ขณะนี้สามารถที่จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ได้แล้ว จำนวน 2 แปลง
พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า จากากรรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งมีความชัดเจน และสามารถที่จะแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้กระทบผิดกรณีรุกพื้นที่อุทยาน 2 คดี จาก 7 คดี ได้แก่ คดีพิเศษ 19/2558 กรณีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 42053, 42054 หมู่ที่ 3 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ทับอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวก-ป่าเขาเมือง เต็มทั้งแปลง สภาพที่ดินเป็นที่เขา หรือภูเขา มีความลาดชันสูง สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าเกือบทั้งแปลง ตั้งอยู่บริเวณหลังโรงแรมร้างเพนเนซูล่า เนื้อที่กว่า 96 ไร่
และต่อมา มีการนำไปออกโฉนด ประกอบด้วย โฉนดเลขที่ 42053 เนื้อที่ 84-0-28 9/10 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2522 และโฉนดเลขที่ 42054 เนื้อที่ 8-2-97 8/10 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 2มิถุนายน 2522 มีการตรวจพบการทำความผิด คือ มีการใช้ ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นมาอ้าง ตรวจสอบแล้วเป็น ส.ค.1 ซึ่งเป็นบ้านพักของเจ้าของ ส.ค.1 ในอดีต ปัจจุบันก็ยังเป็นบ้านพักอยู่ นอกจากนนี้ ยังพบมีการปลอมข้อมูลทั้งฉบับ โดยเปรียบเทียบจาก ส.ค.1 ในหมู่เดียวกัน พบว่าลายมือชื่อของเจ้าพนักงานในอดีต และตราประทับต่างๆ เช่น ตราประทับวันที่ไม่เหมือนกัน เป็นต้น และมีการยืนยันจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ว่า ส.ค.1 ดังกล่าวน่าจะเป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นใหม่จึงมีความชัดเจนทั้งพยานหลักฐานที่บ่งบอกตำแหน่ง ส.ค.1 จริงซึ่งอยู่อีกจุดหนึ่ง และทายาทของผู้ครอบครองที่ดินได้ออกมายืนยัน และที่สำคัญ คือ ปลอม
“พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานฯ สิรินาถทั้งแปลง และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวกเขาเมืองทั้งแปลง และภูมิประเทศเป็นภูเขา ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการตามประกาศกฎกระทรวงที่ 43 และคณะกรรมการฯ ได้รับรองการทำประโยชน์ แต่ไม่ได้มีการทำประโยชน์จริง เพราะมีสภาพเป็นป่าทั้งแปลง มองว่าในส่วนของเจ้าพนักงานตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 น่าจะมีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะมีการดเนินคดีในส่วนของเจ้าพนักงาน เนื่องจากยังรับราชการอยู่ ซึ่งมีอย่างน้อย 3 ราย มีอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถรวมอยู่ด้วย ซึ่งความผิดต่อเจ้าพนักงานจะส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป สำหรับเอกชนที่ทำการบุกรุกฯ มีจำนวน 4 ราย จะดำเนินคดี ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับอัยการในสัปดาห์หน้า และจะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในเดือนมกราคม 2559 โดยมูลค่าความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท” พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า และว่า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของที่ดินใกล้เคียงซึ่งเป็นโรงแรมร้างก็เป็นคดีเช่นกัน แต่อยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนพื้นที่ติดกันในส่วนของเจ้าพนักงานจะชี้มูลในเดือนมกราคม 2559 ของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ขณะที่ผู้ครอบครองที่ดิน เนื่องจากมีการใช้นอมินีมาถือครองที่ดิน ซึ่งมีความชัดเจนในเรื่องของพยานหลักฐาน แต่ผู้อยู่เบื้องหลังจำเป็นต้องหาข้อมูลเชิงลึกในเรื่องของความสัมพันธ์ และเส้นทางการเงิน ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งซึ่งคงไม่นาน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีหลักฐานที่ชัดเจนมากว่า มีสภาพเป็นป่า และคาดว่าจะสามารถนำที่ดินกลับคืนมาเป็นของอุทยานฯ ได้ ส่วนที่มีการยื่นคำขอเอกสารของพื้นที่ข้างเคียงพบว่ามีการปลอม ส.ค.1 เช่นเดียวกัน โดยเขียนขึ้นมาใหม่ ทั้งหมดมีประมาณ 5 ใบ และไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ระบุ
สำหรับคดีพิเศษที่ 44/2558 กรณีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 20777 หมู่ที่ 4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 7-0-03 6/10 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2544 เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าลายัน ภายในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เดิมในอดีตเป็นทะเลไม่มีที่ดิน เพิ่งมามีแผ่นดินเมื่อไม่นานประมาณ 10-15 ปี อาจเกิดจากตะกอนทะเลที่สะสม แต่มีผู้นำ ส.ค.1 มาอ้างออก สภาพที่ดินเป็นที่ราบริมทะเล มีที่ดินที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จำนวน 5 ไร่เศษ และอยู่ในเขตที่สาธารณะ ประมาณ 1 ไร่เศษ
ลักษณะการกระทำผิด ใช้หลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 161 หมู่ 4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 3-0-80 ไร่ มี ซึ่งเป็นหลักฐานของที่ดินอื่นมาออกโฉนดแปลงดังกล่าวโดยไม่ชอบ เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวในอดีตเป็นทะเลมาก่อน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีหลักฐาน ส.ค.1 และเจ้าพนักงานที่ดินที่ลงนามออกโฉนดไม่มีอำนาจลงนาม เป็นเพียงหัวหน้าฝ่ายทะเบียน ปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ซึ่งไม่สามารถทำได้ มีบุคคลที่กระทำผิด ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 3 คน และเอกชนที่ครอบครองที่ดิน และผู้เกี่ยวข้อง กรณีนี้เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐพ้นจากราชการไปเกิน 5 ปี จึงอยู่ในอำนาจของดีเอสไอที่จะดำเนินคดี โดยมูลค่าความเสียหาย 490 ล้านบาท
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย นายกิตติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินคดีการบุกรุกอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ซึ่งทางอุทยานฯ สิรินาถ ได้มีร้องทุกข์ต่อทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ดำเนินการรับเป็นคดีพิเศษ จำนวน 7 แปลง ตั้งแต่เมื่อต้นปี 2558 ที่ผ่านมา และจากการเก็บรวบรวมหลักฐาน รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ทำให้ขณะนี้สามารถที่จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ได้แล้ว จำนวน 2 แปลง
พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า จากากรรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งมีความชัดเจน และสามารถที่จะแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้กระทบผิดกรณีรุกพื้นที่อุทยาน 2 คดี จาก 7 คดี ได้แก่ คดีพิเศษ 19/2558 กรณีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 42053, 42054 หมู่ที่ 3 ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ทับอุทยานแห่งชาติสิรินาถ และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวก-ป่าเขาเมือง เต็มทั้งแปลง สภาพที่ดินเป็นที่เขา หรือภูเขา มีความลาดชันสูง สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าเกือบทั้งแปลง ตั้งอยู่บริเวณหลังโรงแรมร้างเพนเนซูล่า เนื้อที่กว่า 96 ไร่
และต่อมา มีการนำไปออกโฉนด ประกอบด้วย โฉนดเลขที่ 42053 เนื้อที่ 84-0-28 9/10 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2522 และโฉนดเลขที่ 42054 เนื้อที่ 8-2-97 8/10 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 2มิถุนายน 2522 มีการตรวจพบการทำความผิด คือ มีการใช้ ส.ค.1 ของที่ดินแปลงอื่นมาอ้าง ตรวจสอบแล้วเป็น ส.ค.1 ซึ่งเป็นบ้านพักของเจ้าของ ส.ค.1 ในอดีต ปัจจุบันก็ยังเป็นบ้านพักอยู่ นอกจากนนี้ ยังพบมีการปลอมข้อมูลทั้งฉบับ โดยเปรียบเทียบจาก ส.ค.1 ในหมู่เดียวกัน พบว่าลายมือชื่อของเจ้าพนักงานในอดีต และตราประทับต่างๆ เช่น ตราประทับวันที่ไม่เหมือนกัน เป็นต้น และมีการยืนยันจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ว่า ส.ค.1 ดังกล่าวน่าจะเป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นใหม่จึงมีความชัดเจนทั้งพยานหลักฐานที่บ่งบอกตำแหน่ง ส.ค.1 จริงซึ่งอยู่อีกจุดหนึ่ง และทายาทของผู้ครอบครองที่ดินได้ออกมายืนยัน และที่สำคัญ คือ ปลอม
“พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานฯ สิรินาถทั้งแปลง และอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวกเขาเมืองทั้งแปลง และภูมิประเทศเป็นภูเขา ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการตามประกาศกฎกระทรวงที่ 43 และคณะกรรมการฯ ได้รับรองการทำประโยชน์ แต่ไม่ได้มีการทำประโยชน์จริง เพราะมีสภาพเป็นป่าทั้งแปลง มองว่าในส่วนของเจ้าพนักงานตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 น่าจะมีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะมีการดเนินคดีในส่วนของเจ้าพนักงาน เนื่องจากยังรับราชการอยู่ ซึ่งมีอย่างน้อย 3 ราย มีอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถรวมอยู่ด้วย ซึ่งความผิดต่อเจ้าพนักงานจะส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป สำหรับเอกชนที่ทำการบุกรุกฯ มีจำนวน 4 ราย จะดำเนินคดี ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับอัยการในสัปดาห์หน้า และจะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในเดือนมกราคม 2559 โดยมูลค่าความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท” พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวว่า และว่า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของที่ดินใกล้เคียงซึ่งเป็นโรงแรมร้างก็เป็นคดีเช่นกัน แต่อยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนพื้นที่ติดกันในส่วนของเจ้าพนักงานจะชี้มูลในเดือนมกราคม 2559 ของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ขณะที่ผู้ครอบครองที่ดิน เนื่องจากมีการใช้นอมินีมาถือครองที่ดิน ซึ่งมีความชัดเจนในเรื่องของพยานหลักฐาน แต่ผู้อยู่เบื้องหลังจำเป็นต้องหาข้อมูลเชิงลึกในเรื่องของความสัมพันธ์ และเส้นทางการเงิน ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งซึ่งคงไม่นาน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีหลักฐานที่ชัดเจนมากว่า มีสภาพเป็นป่า และคาดว่าจะสามารถนำที่ดินกลับคืนมาเป็นของอุทยานฯ ได้ ส่วนที่มีการยื่นคำขอเอกสารของพื้นที่ข้างเคียงพบว่ามีการปลอม ส.ค.1 เช่นเดียวกัน โดยเขียนขึ้นมาใหม่ ทั้งหมดมีประมาณ 5 ใบ และไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ระบุ
สำหรับคดีพิเศษที่ 44/2558 กรณีการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 20777 หมู่ที่ 4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 7-0-03 6/10 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2544 เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่าลายัน ภายในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ เดิมในอดีตเป็นทะเลไม่มีที่ดิน เพิ่งมามีแผ่นดินเมื่อไม่นานประมาณ 10-15 ปี อาจเกิดจากตะกอนทะเลที่สะสม แต่มีผู้นำ ส.ค.1 มาอ้างออก สภาพที่ดินเป็นที่ราบริมทะเล มีที่ดินที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จำนวน 5 ไร่เศษ และอยู่ในเขตที่สาธารณะ ประมาณ 1 ไร่เศษ
ลักษณะการกระทำผิด ใช้หลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 161 หมู่ 4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 3-0-80 ไร่ มี ซึ่งเป็นหลักฐานของที่ดินอื่นมาออกโฉนดแปลงดังกล่าวโดยไม่ชอบ เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวในอดีตเป็นทะเลมาก่อน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีหลักฐาน ส.ค.1 และเจ้าพนักงานที่ดินที่ลงนามออกโฉนดไม่มีอำนาจลงนาม เป็นเพียงหัวหน้าฝ่ายทะเบียน ปฏิบัติราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ซึ่งไม่สามารถทำได้ มีบุคคลที่กระทำผิด ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 3 คน และเอกชนที่ครอบครองที่ดิน และผู้เกี่ยวข้อง กรณีนี้เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐพ้นจากราชการไปเกิน 5 ปี จึงอยู่ในอำนาจของดีเอสไอที่จะดำเนินคดี โดยมูลค่าความเสียหาย 490 ล้านบาท