เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 44/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตํารวจ ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 4 ธันวาคม โดยมีเนื้อหาสำคัญดังนี้
1. ให้ออกกฎ ก.ตร.กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจ ใหม่ จากเดิมใช้ กฎ ก.ตร.ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจ ระดับ สารวัตร ถึง จเรตํารวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2549
2. แก้ไขมาตรา 53 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ให้ตรงกับ ประกาศ คสช.ที่ 88/2557 ที่ว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ให้ผู้ผบ.ตร.คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติหรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วเสนอ ก.ต.ช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ขณะที่ในการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ รองผบ.ตร. ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ถึงผู้บังคับการให้ ผบ.ตร.คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตํารวจเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ซึ่งเท่ากับว่าให้อำนาจผบ.ตร. แต่งตั้งนายพลทั้งหมด ตั้งแต่รองผบ.ตร.-ผบก. จากเดิมการแต่งตั้งรองผบช.-ผบก. ในสำนักงานผบ.ตร. ให้ผบ.ตร.คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจในสำนักงานผบ.ตร. ขณะที่ในกองบัญชาการที่มิได้สังกัดสง.ผบ.ตร.ให้ผู้บัญชาการหน่วยนั้นๆคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจในกองบัญชาการนั้นเสนอผบ.ตร.เพื่อพิจารณาเสนอ ก.ตร. ให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ซึ่งเท่ากับจากนี้ไปว่า ผบช. ไม่มีอำนาจหน้าที่ให้การคัดเลือก หรือพิจารณาเสนอแต่งตังระดับนายพล
ทั้งนี้คำสั่ง ม.44 กำหนดให้ การแต่งตั้งรองผู้บังคับการ ถึงผู้บังคับหมู่ ในหน่วยงานสังกัดสำนักงานผบ.ตร. ให้อำนาจผบ.ตร. แต่งตั้ง ส่วนในกองบัญชาการที่มิได้สังกัดสํานักงานผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง ซึ่งยังคงเหมือนเดิม แต่ทว่าการแต่งตั้งระดับ รองผบก.-ผกก. ที่เดิมในประกาศ คสช.ที่88/57 กำหนดให้เข้าก.ตร.พิจารณา จากนี้ไม่ต้องเข้า ก.ตร.แล้ว ขณะที่การโยกย้ายข้ามหน่วยยังคงให้ทำความตกลงกันได้ระหว่างหน่วยงาน
3. แก้ไขการใช้อำนาจมาตรา 56 ของผบ.ตร. ที่เดิม ผบ.ตร. สามารถใช้อำนาจให้ย้ายพ้นตำแหน่งด้วยเหตุพิเศษกรณีเหตุจำเป็น ได้ตั้งแต่ระดับรองผบช. แต่แก้ไขใหม่ ให้ใช้ได้ตั้งแต่ระดับรองผบก.ลงมา ทั้งนี้เนื่องจากคำสั่งนี้ให้อำนาจผบ.ตร.พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายพลทั้งหมดอยู่แล้ว
4. เพิ่มเติมในเรื่องการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง กรณีที่ศาลปกครอง มีคำสั่ง หรือคำพิพากษา กรณีคำสั่งทางปกครองใด ผู้บังคับบัญชา ก.ตร. ก.ต.ช. สั่งการเยียวยา แก้ไขแล้วแต่กรณี ตามสมควร โดยข้อ 5. ให้ ก.ตร. ดําเนินการออกกฎ ก.ตร. เพื่อปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ และข้อ 6 ระบุว่าในระหว่างที่ยังมิได้มีการออกกฎ ก.ตร. ให้ยึดตามคำสั่งนี้นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
1. ให้ออกกฎ ก.ตร.กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจ ใหม่ จากเดิมใช้ กฎ ก.ตร.ว่าด้วย หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตํารวจ ระดับ สารวัตร ถึง จเรตํารวจแห่งชาติและรองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2549
2. แก้ไขมาตรา 53 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ให้ตรงกับ ประกาศ คสช.ที่ 88/2557 ที่ว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ให้ผู้ผบ.ตร.คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติหรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้วเสนอ ก.ต.ช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
ขณะที่ในการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจให้ดํารงตําแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ รองผบ.ตร. ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ถึงผู้บังคับการให้ ผบ.ตร.คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตํารวจเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ซึ่งเท่ากับว่าให้อำนาจผบ.ตร. แต่งตั้งนายพลทั้งหมด ตั้งแต่รองผบ.ตร.-ผบก. จากเดิมการแต่งตั้งรองผบช.-ผบก. ในสำนักงานผบ.ตร. ให้ผบ.ตร.คัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจในสำนักงานผบ.ตร. ขณะที่ในกองบัญชาการที่มิได้สังกัดสง.ผบ.ตร.ให้ผู้บัญชาการหน่วยนั้นๆคัดเลือกรายชื่อข้าราชการตำรวจในกองบัญชาการนั้นเสนอผบ.ตร.เพื่อพิจารณาเสนอ ก.ตร. ให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ซึ่งเท่ากับจากนี้ไปว่า ผบช. ไม่มีอำนาจหน้าที่ให้การคัดเลือก หรือพิจารณาเสนอแต่งตังระดับนายพล
ทั้งนี้คำสั่ง ม.44 กำหนดให้ การแต่งตั้งรองผู้บังคับการ ถึงผู้บังคับหมู่ ในหน่วยงานสังกัดสำนักงานผบ.ตร. ให้อำนาจผบ.ตร. แต่งตั้ง ส่วนในกองบัญชาการที่มิได้สังกัดสํานักงานผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ให้ผู้บัญชาการเป็นผู้สั่งแต่งตั้ง ซึ่งยังคงเหมือนเดิม แต่ทว่าการแต่งตั้งระดับ รองผบก.-ผกก. ที่เดิมในประกาศ คสช.ที่88/57 กำหนดให้เข้าก.ตร.พิจารณา จากนี้ไม่ต้องเข้า ก.ตร.แล้ว ขณะที่การโยกย้ายข้ามหน่วยยังคงให้ทำความตกลงกันได้ระหว่างหน่วยงาน
3. แก้ไขการใช้อำนาจมาตรา 56 ของผบ.ตร. ที่เดิม ผบ.ตร. สามารถใช้อำนาจให้ย้ายพ้นตำแหน่งด้วยเหตุพิเศษกรณีเหตุจำเป็น ได้ตั้งแต่ระดับรองผบช. แต่แก้ไขใหม่ ให้ใช้ได้ตั้งแต่ระดับรองผบก.ลงมา ทั้งนี้เนื่องจากคำสั่งนี้ให้อำนาจผบ.ตร.พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายพลทั้งหมดอยู่แล้ว
4. เพิ่มเติมในเรื่องการอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง กรณีที่ศาลปกครอง มีคำสั่ง หรือคำพิพากษา กรณีคำสั่งทางปกครองใด ผู้บังคับบัญชา ก.ตร. ก.ต.ช. สั่งการเยียวยา แก้ไขแล้วแต่กรณี ตามสมควร โดยข้อ 5. ให้ ก.ตร. ดําเนินการออกกฎ ก.ตร. เพื่อปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับ และข้อ 6 ระบุว่าในระหว่างที่ยังมิได้มีการออกกฎ ก.ตร. ให้ยึดตามคำสั่งนี้นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
