ผลจากการเหตุที่ปวีณลาออกไป เก้าอี้ “รองผู้บัญชาการ” ยศ พล.ต.ต. ของพล.ต.ต.ปวีณ ว่างลงเรียบร้อย 1 เก้าอี้ หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ลงนามคำสั่งที่ 693/2558 อนุญาตให้ พล.ต.ต.ปวีณ ลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2558เป็นต้นไปพร้อมกับเซ็นคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 705/2558 มอบหมายให้พล.ต.ต.มณฑล เงินวัฒนะ รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ไปรักษาการ รองผบช.ศชต. และยังมีเก้าอี้ ที่ปรึกษา(สบ.10) ของ”บิ๊กตุ้ย”พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ อดีตที่ปรึกษา(สบ.10) เทียบเท่า รองผบ.ตร. ที่ลาออกจากราชการไปก่อนหน้านี้
ปมร้อนๆ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้(อดีตรองผบช.ศชต.) และอดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีทลายเครือข่ายค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา บินไปประเทศออสเตรเลีย ขอลี้ภัยทางการเมือง เปิดปาก “ดับเครื่องชน” ใส่ผู้บังคับบัญชาทั้งทหาร ตำรวจ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์
สำหรับคำพูดของพล.ต.ต.ปวีณแม้ยังไม่มีความชัดเจนอะไรเท็จ อะไรจริง “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี ก็ออกมาสวนทันควัน “จักรทิพย์” ออกมาแถลงโต้หลัง "ปวีณ"เปิดโปงยังไม่ทันข้ามคืน ชี้ว่าเป็นเรื่องความไม่พอใจส่วนตัวที่ถูกแต่งตั้งโยกย้ายไปเป็น รองผบช.ศชต.รวมทั้งบอกว่าได้ช่วยแก้ปัญหาให้พล.ต.ต.ปวีณระดับหนึ่งด้วยการเสนอเงื่อนไขจะให้มาช่วยราชการ ผบช.ก. แล้ว แต่พล.ต.ต.ปวีณไม่ตกลงเอง
ฟังเหตุผลของผบ. ตร. ก็อาจเป็นข้อเท็จจริงด้านหนึ่ง หรือเป็นการถ่มหินลงบ่อก็รู้ได้ยาก อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเหตุผลหนึ่งที่พล.ต.ต.ปวีณไม่เปลี่ยนใจ ก็เนื่องจากการช่วยราชการ มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ต้องให้ ผบ.ตร. ออกคำสั่งช่วยราชการทุกปี นั่นก็จะทำให้ตกเป็นเบี้ยล่าง ต้องยอมรับเงื่อนไขต่างๆ หากอยากช่วยราชการต่อ จึงเป็นสาเหตุที่พล.ต.ต.ปวีณตัดสินใจไม่รับข้อเสนอดังกล่าว
เรื่องการหนีสุดขอบฟ้าของนายตำรวจมือดีเพื่อรักษาชีวิตรอดคงจะเป็นหนังชีวิตเรื่องยาว รับประกันได้ว่ายังไม่ปิดฉากแค่นี้ รอว่าวันไหน"ปวีณ"จะปล่อยหมัดชุดออกมาเข้าแสกหน้าใครบ้าง?
ผลจากการเหตุที่ปวีณลาออกไป เก้าอี้ “รองผู้บัญชาการ” ยศ พล.ต.ต. ของพล.ต.ต.ปวีณ ว่างลงเรียบร้อย 1 เก้าอี้ หลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ลงนามคำสั่งที่ 693/2558 อนุญาตให้ พล.ต.ต.ปวีณ ลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2558เป็นต้นไปพร้อมกับเซ็นคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 705/2558 มอบหมายให้พล.ต.ต.มณฑล เงินวัฒนะ รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ไปรักษาการ รองผบช.ศชต.
และยังมีเก้าอี้ ที่ปรึกษา(สบ.10) ของ”บิ๊กตุ้ย”พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ อดีตที่ปรึกษา(สบ.10) เทียบเท่า รองผบ.ตร. ที่ลาออกจากราชการไปก่อนหน้านี้ แม้จะเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว ที่คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) อนุมัติเปิดตำแหน่งใหม่ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) เห็นชอบแต่งตั้ง พล.ต.อ.ประวุฒิ ถึง”บิ๊กตุ้ย”จะทิ้งเก้าอี้นี้ไปแล้ว แต่ตำแหน่งที่ปรึกษา(สบ.10) ก็ยังมีอายุอยู่อีก 1 ปี ถึงจะหมดไป ทำให้สามารถแต่งตั้งผู้ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งได้ เก้าอี้ ที่ปรึกษา(สบ.10) ยศ พล.ต.อ. จึงว่างอีก 1เก้าอี้
เช่นเดียวกับเก้าอี้ “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” หรือ “ผบช.น.” ยศ พล.ต.ท. ที่ยังว่าง 1 เก้าอี้ เพราะแม้พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ทำหน้าที่ รักษาการ ผบช.น. อยู่ แต่ก็เป็นเพียงแค่ “รักษาการ” เพราะตำแหน่งจริงๆของ พล.ต.ท.ศานิตย์ คือ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ผบช.สง.ผบ.ตร.) ทำให้เก้าอี้ “ผบช.น.” ก็ยังไร้ผู้ครอบครองตัวจริงเสียงจริง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้วางคิวแต่งตั้ง “นายพล” นอกฤดูทั่วประเทศ ไว้ประมาณช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2559 หลังจากการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ “นายพัน” ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ(รองผบก.)-สารวัตร(สว.) ประจำปี 2558 เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นประมาณต้นๆเดือนมกราคม2559 แม้ตามมติ ก.ตร. จะขยายระยะเวลาการดำเนินการคัดเลือกแต่งตั้งตำรวจระดับ รองผบก.-สว. ไปถึงวันที่ 31ธันวาคม 2558
แต่คาดว่ากระบวนการต่างๆน่าจะไม่ทันตามกำหนด เพราะจะมีการแก้กฎ แก้ระเบียบกันอีกเล็กน้อย ทำให้การแต่งตั้งระดับ”นายพัน” ต้องยืดออกไปอีก โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเสนอขอ ก.ตร. ขยายระยะเวลาการแต่งตั้ง รองผบก.-สว.วาระประจำปี 2558 ออกอีกครั้ง อาจจะไปถึงวันที่ 31 มกราคม 2559
จากนั้นก็จะเป็นคิวการแต่งตั้ง “นายพล” นอกฤดู เพื่อคัดเลือกแต่งตั้งตำรวจดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษา(สบ.10)” เทียบเท่า รองผบ.ตร. ยศ พล.ต.อ. 1 ตำแหน่ง “ผบช.น.” ยศ พล.ต.ท. 1ตำแหน่ง รองผบช.ศชต. ยศ พล.ต.ต. 1 ตำแหน่ง ซึ่งการแต่งตั้งให้ตำรวจขึ้นดำรงตำแหน่งต่างๆเหล่านี้ ก็จะทำให้ต้องขยับแต่งตั้งกันเป็นระดับ
โดยตำแหน่ง “ที่ปรึกษา(สบ.10 )” ว่างนั้นต้องขยับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. 1 ราย ขึ้นมาแทน และขยับ ผบช. ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. 1 ราย ขยับ รองผบช. ขึ้น ผบช. 1 ราย ขยับ ผบก. ขึ้น รองผบช. 1 ราย และขยับ รองผบก. ยศพ.ต.อ. ขึ้นติดยศนายพล เป็น ผบก. 1 ราย ตำแหน่ง “ผบช.น.” ว่าง ต้องขยับ รองผบช. ขึ้น 1 ราย ขยับ ผบก. ขึ้น รองผบช. 1 ราย และขยับ รองผบก. ขึ้นเป็น ผบก. 1 ราย เช่นเดียวกับ ตำแหน่ง “รองผบช.ศชต.” ว่าง ต้องขยับ ผบก. ขึ้นมา 1ราย และขยับ รองผบก. ขึ้น ผบก. 1 ราย
นอกจากนี้ เชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะมีการโยกระนาบเดียวกันอีกพอสมควร เพื่อทดแทน “นายพล” ที่มีเรื่องมีราวจน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต้องออกคำสั่งให้มาช่วยราชการ ศปก.ตร.
ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ท.รอย อิงคะไพโรจน์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(ผบช.ส.) พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม(ผบก.ป.) หรือพล.ต.ต.กริช กิติลือ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง(ผบก.ภ.จว.ลำปาง) รวมทั้งพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. ที่ทำหน้าที่ รักษาการ ผบช.น. คาดว่าน่าจะได้ขยับเป็น ผบช.น.ตัวจริงเสียงจริง แม้จะเพิ่งมีกรณี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ขีดเส้น 3เดือนให้แก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ติดขัดอย่างหนักในช่วงนี้ ให้คล่องตัวกว่าเดิม50-60%
ที่สำคัญที่ต้องจับตาคือการแต่งตั้ง “นายพล” นอกฤดู ครั้งนี้ จะเป็นการประเดิมคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 44/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ ลงนาม ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพิ่งประกาศใช้ ซึ่งเนื้อหาหลักๆเกี่ยวกับอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจทุกระดับ ที่คำสั่งฉบับนี้ให้อำนาจ “ผบ.ตร.” แบบเต็มๆ
ดังนั้นการแต่งตั้ง “นายพล” ที่จะเกิดขึ้น ภายใต้คำสั่งแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการตำรวจ ที่ออกมาครั้งนี้ จริงแท้แล้วต้องการแก้ปัญหาให้”ตำรวจ” หรือ เปิดทางบริหาร”อำนาจ”เพื่อพวกพ้องตัวเอง จะเป็นบทพิสูจน์”ผู้นำสีกากี” ที่ชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา