ปัตตานี - คณะกรรมการตรวจสอบการเสียชีวิต สืบพยานนัดแรก เจ้าพนักงานชันสูตรศพย้ำ! ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย “นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ” ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่เสียชีวิตปริศนาในค่ายทหาร
วันนี้ (14 ธ.ค.) จากกรณีการเสียชีวิตของ นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ผู้ถูกควบคุมตัวตามหมาย พ.ร.ก.คดีความมั่นคง ที่เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาภายในศูนย์ซักถาม ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ญาติของผู้เสียชีวิตได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้เสียชีวิต และให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตของ นายอับดุลลายิบ โดยเร็ว จนต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเสียชีวิตของนายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ขึ้นเพื่อให้เกิดความกระจ่าง และความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่าย
โดยเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดปัตตานี ทางคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีเสียชีวิตของนายอับดุลลายิบ ดอเลาะ นำโดย นายเถกิงศักดิ์ ยกศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการทุกภาคส่วน ทั้ง 18 ท่าน ได้เรียกสอบเจ้าพนักผู้ทำการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น ทั้ง 4 ฝ่าย ประกอบด้วย พนักงานสอบสวน อัยการ แพทย์ และฝ่ายปกครอง เข้ามาให้การสืบพยานนักแรกเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของนายอับดุลลายิบ
ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ใช้เวลาในการสอบพยานกว่า 3 ชั่วโมง โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยหลังจากเสร็จสิ้นการสอบสวน ทางคณะกรรมการฯ ได้ร่วมแถลงความคืบหน้าผลการสืบพยานว่า หลังจากได้มีการไต่สวนเจ้าพนักผู้ทำการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น ทั้ง 4 ฝ่าย ได้รับการยืนยันว่า การชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นของ นายอับดุลลายิบ ดอเลาะ ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด และไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ ทำให้ทางคณะกรรมการฯ จะนำผลการไต่สวนดังกล่าวยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้มีการพิสูจน์สาเหตุการตาย โดยนำไปตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ทุกฝ่าย
ในขณะเดียวกัน ทางคณะกรรมการฯ ได้เรียกพยานฝ่ายผู้เสียชีวิตรวม 4 ปาก เข้ามาให้สืบพยานในวันนี้เช่นกัน แต่ปรากฏว่า ทางพยานฝ่ายผู้เสียชีวิตไม่ได้เดินทางเข้ามาให้ข้อมูล เนื่องจากให้เหตุผลว่ายังไม่พร้อมที่จะมาให้ข้อมูล ทำให้ทางคณะกรรมการต้องเลื่อนการสืบพยานออกไปก่อน
ด้าน นายกิตติ สุรคำแหง ผอ.สำนักบริหารงานยุติธรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หนึ่งในคณะกรรมการ กล่าวว่า ในวันนี้คณะกรรมการได้รวบรวมประเด็นจากทุกฝ่ายจึงสรุปได้ 4 ประเด็นที่ญาติมีความข้องใจ และค้างคาใจว่า นายอับดุลรายิบ ไม่ได้ตายโดยปกติ คือ 1.ญาติอ้างว่า นายอับดุลรายิบ มีสุขภาพที่แข็งแรงไม่น่าจะเสียชีวิตได้ง่าย 2.ภรรยาได้ให้ข้อมูลต่อทุกฝ่ายว่า ในระหว่างที่ได้เข้าไปพบญาติว่า นายอับดุลรายิบ มีอาการหวาดกลัวในขณะถูกควบคุมตัว ซึ่งถือเป็นประเด็นที่ต้องตรวจสอบ 3.ลักษณะศพที่มีหลายอย่างที่ญาติตั้งข้อสงสัย 4.ญาติมีความรู้สึกว่าการเข้าไปเยี่ยมน่าจะให้ใกล้ชิด และมีเวลามากกว่านี้
ซึ่งจาก 4 ประเด็นนี้ เป็นที่มาของการตั้งข้อสงสัยของญาติว่า นายอับดุลรายิบ ไม่น่าจะเสียชีวิตเองโดยธรรมชาติ ซึ่งคณะกรรมการจึงต้องแสวงหาข้อเท็จจริงจากเจ้าพนักงาน 4 ฝ่าย ซึ่งเป็นชุดแรกที่เข้าไปที่เกิดเหตุ และร่วมชันสูตรพลิกศพที่เป็นไปตามกฎหมาย โดยวันนี้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง และแพทย์โรงพยาบาลหนองจิก ก็ได้เดินทางมาให้ข้อมูลตรงกันว่า ในขั้นต้นที่เข้าไปในที่เกิดเหตุนั้น ทั้งสภาพกายภาพภายนอก การพลิกศพ การตรวจทุกซอกทุกมุมของศพ และสภาพแวดล้อม ซึ่งทั้ง 4 ฝ่ายก็ได้สรุปคือ ไม่สามารถบ่งชี้ถึงสาเหตุการตายได้ชัดเจน และไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย
ซึ่งตรงนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องดำเนินการในขั้นตอนต่อไป เพื่อจะนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อทำการไต่สวนให้รู้สาเหตุให้ได้ว่าผู้ตายเป็นใคร ตายในเวลาใด ตายเพราะสาเหตุใด และถ้าสาเหตุการตายเป็นการตายโดยผิดธรรมชาติใครทำให้ตาย นี่คือเป็นข้อบัญญัติตามกฎหมาย เมื่อพนักงาน 4 ฝ่ายไม่สามารถบ่งชี้การตายได้ในเบื้องต้นได้ก็ต้องไปส่งตรวจพิสูจน์ในเชิงลึก หรือในเชิงนิติเวช เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นทางวิชาการว่าการตายครั้งนี้เป็นการตายโดยธรรมชาติ หรือผิดธรรมชาติ