xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องเล่าจากข้างเวทีมวลมหาประชาชน : ผมอยู่ที่ไหนในวันที่ “มวลมหาประชาชน” ถูกลอบฆ่า / จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
คอลัมน์  :  คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ  หยูทอง-แสงอุทัย

 
ทันทีที่ผมและเพื่อนๆ ทั้ง ๘ คนถูกข้อหา “ขัดคำสั่ง คสช.” คนส่วนหนึ่งที่ชื่นชมในทหารก็ตะคอกถามว่า “คนเหล่านี้อยู่ที่ไหนในวันที่ประชาชนที่ประท้วงขับไล่รัฐบาลเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง” คล้ายๆ กับว่าผมเลือกเข้าข้างรัฐบาลเผด็จการพลเรือน คนอื่นผมไม่รู้และไม่สามารถรับรองแทนได้
 
แต่สำหรับผมตอบได้ว่า “ผมอยู่ในกระบวนการขับเคลื่อนเพื่อต่อต้านการเข่นฆ่าประชาชน และการดื้อรั้นที่จะอยู่ในอำนาจของรัฐบาลพลเรือนในขณะนั้น ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค” ในหลายสถานะ หลายบทบาท ตามแต่โอกาสจะอำนวย


บทบาทหนึ่ง - ผมเขียนบทความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในผู้จัดการออนไลน์  นสพ.โฟกัสภาคใต้ และ นสพ.รายสัปดาห์สมิหลาไทมส์ ทุกสัปดาห์ แล้วนำบทความเหล่านั้นจำนวน  ๒๒  ชิ้น  บทกวี ๒ ชิ้น และแถลงการณ์ฉบับที่ ๑ “หยุด (ร่าง) พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมบิดเบือนนิติรัฐ ขัดหลักนิติธรรม”  จำนวน ๑ ฉบับ มารวมเล่มพิมพ์เผยแพร่ ชื่อหนังสือ “เลาะเลียบสนามรบ มวลมหาประชาชน” เผยแพร่ในมวลหมู่กัลยาณมิตร และส่วนหนึ่งจำหน่ายเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนใน อ.รัตภูมิ เพื่อร่วมกับ กปปส. ที่ กทม.

สอง - ผมขึ้นปราศรัยทางการเมืองบนเวทีที่วงเวียนน้ำพุ หาดใหญ่ เวทีหน้าพระบรมรูปพระราชบิดาในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เวทีหน้าที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่  และเวทีหลังสถานีรถไฟหาดใหญ่  โดยไม่ได้อยู่ในสังกัด กปปส. หรือ ปชป.แต่อย่างใด แต่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในฐานะนักวิชาการอิสระในท้องถิ่น ซึ่งบทบาทนี้ผมทำมาตั้งแต่การชุมนุมยืดเยื้อสมัยคัดค้านการสืบทอดอำนาจของรัฐบาล รสช. (พลเอก สุจินดา  คราประยูร) พ.ศ. ๒๕๓๕  หรือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ณ สนามหลังสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่  สนามมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  และสนามศาลากลางจังหวัดสงขลา

สาม - ผมขึ้นปราศรัยช่วยเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เวที คปท. ข้างทำเนียบรัฐบาล ๒ รอบ และนอนอยู่หลังบังเกอร์สองคืน ขณะที่แกนนำทุกคนต้องใส่เสื้อเกราะกันกระสุน เพราะมีการลอบยิงเกือบทุกคืน  กับน้องๆ หลายคน โดยเฉพาะ น้องบรรจง  นะแส และ น้องหมี-สุริยัน  ทองหนูเอียด พร้อมกับรับ หนังรุ่งวิเชียร  เสียงทอง ไปร่วมทอล์กโชว์  ภายใต้การประสานงานของ น้องหวอด - วรรณชัย  พุทธทอง

สี่ - ในวันชัตดาวน์กรุงเทพฯ ผมกับ น้องโต้ง (เลอสรรค์  ยอดล้ำ) ที่ทำมาหากินอยู่ใน กทม. ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ตระเวนไปทั่วทุกเวที เพื่อซึมซับบรรยากาศของการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชน  ในวันนั้นตลอดทั้งวันได้เห็นบรรยากาศอันอบอุ่นของพี่น้องมวลมหาประชาชน  และรู้ว่าส่วนใหญ่ไม่ได้มาร่วมชุมนุมเพราะเป็นมวลชนของ ปชป.  แต่มาร่วมด้วยหลายเหตุหลายปัจจัย

ผมจึงถูกเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยและเกลียดเผด็จการทหารประณามว่า  เป็นพวกกวักมือเรียกทหาร  ไม่ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย  บางคนแสดงออกผ่านสื่อ  หลายคนนินทาในวงเหล้า  วงข้าว และวงกาแฟอยู่บ่อยๆ ด้วยความสนุกสนานสำราญปาก

สำหรับผมเชื่อว่า ประเทศนี้ไม่เคยมีฝ่ายไหนเป็นประชาธิปไตย  เรามีอำนาจรัฐแบบเผด็จการพลเรือนสลับกับเผด็จการทหารเท่านั้น วันที่ผมตัดสินใจออกต่อต้านรัฐบาลเผด็จการพลเรือน ผมมีเจตนาอย่างแรงกล้าที่จะให้รัฐบาลในขณะนั้นหมดอำนาจลง  เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
 
หากผมพอจะมีความพึงพอใจอยู่บ้างในการเข้ามาของทหาร  ก็เพียงช่วยยับยั้งความรุนแรงที่มีต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์เท่านั้น  ส่วนสถานการณ์หลังจากนั้นผมไม่ได้ฝากความหวังไว้ที่ผู้นำและคณะ คสช.  เพราะผมเชื่อว่าการยึดอำนาจครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุ  และเป็นเพราะการเมืองในระบบมันล้มเหลวในการแก้ปัญหาความขัดแย้งและทุจริตคอร์รัปชัน

การโดนคดีของผมในครั้งนี้ได้ให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมไทย คนไทย วิธีคิด สติปัญญา ฯลฯ เป็นอย่างดี

๑. มันทำให้ผมรู้ว่าสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความรู้สึก ไม่ใช่สังคมแห่งความรู้ คนไทยส่วนใหญ่ใช้ความรู้สึกในการตัดสินปัญหา ตัดสินใจเชื่อและตัดสินคน ไม่นิยมใช้ความรู้ ข้อมูล ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์

๒. สังคมไทยเป็นสังคมอำนาจนิยม ไม่ใช่สังคมแห่งเหตุผล หลักการ ใครมีอำนาจเป็นฝ่ายชนะ ผู้นั้นถูกต้อง ส่วนผู้แพ้หรือไม่มีอำนาจกลายเป็นผู้ผิดตลอดกาล

๓. สังคมไทยมีทางเลือกกับทุกปัญหาเพียง ๒ ทางมาตลอด ไม่มีทางเลือกที่ ๓ เช่น ถ้าไม่ใช่ฝ่ายทหารก็เป็นฝ่ายนักการเมือง เอาโครงการกับไม่เอาโครงการ

๔. สังคมไทยนิยมความเด็ดขาด รุนแรงกับคนอื่น  แต่ถ้าเกิดกับตัวเองจะนิยมให้ประนีประนอม ให้อภัย ฯลฯ

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาจนจะเกษียณอายุราชการในปี ๒๕๕๙ ผมยืนเคียงข้างผู้เสียเปรียบในสังคม  และเป็นปฏิปักษ์กับความอยุติธรรมมาโดยตลอด ตั้งแต่เป็นนักกิจกรรมและนายกองค์การนิสิต มศว สงขลา เป็นประธาน ครป.นครศรีธรรมราช เลขาธิการสมาพันธ์ครูร่อนพิบูลย์ ประธานสมัชชาจังหวัดสงขลาเพื่อนปฏิรูปการเมือง รวมทั้งการทำหน้าที่สนับสนุนรัฐบาลทหารโดยการเป็น กรรมาธิการวิสามัญจังหวัดสงขลา รับฟังความคิดเห็นประชาชน ในการร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ และ ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา

จุดยืนของผมคือ ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ผมไม่พิงพรรคการเมือง ผมมีเพื่อนและคนที่เคารพนับถือในทุกพรรค ทุกกลุ่มสี ผมทำหน้าที่สื่อมวลชนจัดรายการวิทยุ เป็นคอลัมนิสต์ เป็นวิทยากรบรรยายทางการเมือง จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา (สมัยรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นการจัดทำแผนแม่บทเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาตอนล่าง จัดเวทีเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อพัฒนาชุมชนและท้องถิ่น ฯลฯ

ผมตอบคำถามว่า “คุณอยู่ที่ไหนในวันนั้น...” ได้แค่นี้แหละครับ ใครอยากรู้ก็เข้าไปในกูเกิลแล้วพิมพ์ชื่อ “จรูญ หยูทอง” หรืออ่านสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ ปี ๒๕๔๒ ก็คงพอจะมีข้อมูลอยู่บ้าง ก่อนจะพิพากษาผมแบบเถื่อนถ่อยสถุลเช่นที่ผ่านมาครับ

คำให้การของผู้ต้องหาศาลเตี้ยภาคประชาชน
๒๗ พ.ย. ๒๕๕๘
 

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น