ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้เชี่ยวชาญด้านฉลาม ยืนยันเกิน 90% ฉลามกัดนักท่องเที่ยว เชื่อเป็นสายพันธ์ bull shark ดูได้จากบาดแผล ขณะที่ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวคาดฉลามกัดนักท่องเที่ยว ด้านนักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษเผยไม่น่าจะเกิดจากฉลามกัด แต่อาจจะเกิดจากปลาชนิดอื่น โดยเฉพาะปลาปักเป้าขนาดใหญ่ที่พบว่ายน้ำอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ
นาย DAVIT MARTIN ผู้มีประสบการณ์ด้านฉลาม และเป็นผู้ผลิตสารคดีด้านฉลาม ชาวฝรั่งเศส กล่าวภายหลังเข้าพบ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมกับ ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งและป่าชายเลน (ภูเก็ต) เพื่อรายงานผลการตรวจกรณีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียถูกสัตว์ซึ่งคาดว่าเป็นฉลามกัดบริเวณเท้า ขณะลงเล่นน้ำในทะเลที่บริเวณหน้าหาดกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนมีบาดแผลขนาดใหญ่ และได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.) ว่า จากการดูภาพบาดแผลของนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวมั่นใจมากกว่า 90% เกิดจากฉลามจู่โจม ซึ่งฉลามที่จู่โจมและกัดนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวน่าจะเป็นฉลาม Bull shark ขนาดตัวยาวประมาณ 1 -1.50 เมตร เป็นตัวลูก สำหรับฉลามชนิดนี้อาศัยบริเวณชายฝั่งได้ อาศัยอยู่ในน้ำขุ่น บริเวณปากน้ำ รวมทั้งน้ำจืด และพบว่ามีจำนวนน้อย
โดยทั่วไปในโลกนี้มีฉลามชนิดต่างๆ อยู่ประมาณ 480 ชนิด ชนิดที่ทำร้ายคนมีอยู่ประมาณ 3-4 ชนิดเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Bull shark แต่อย่างไรก็ตาม ฉลามส่วนใหญ่ไม่ทำร้ายคน ไม่กัดคนเพื่อเป็นอาหาร แต่สาเหตุที่ฉลามจู่โจมเข้าใส่คนก็เนื่องจากฉลามเข้าใจผิดว่า บางส่วนของร่างกายที่อยู่ในน้ำเป็นปลา หรือเป็นอาหารของฉลามจึงจู่โจมเข้าใส่ แต่โดยปกติแล้วฉลามจะไม่กินคน สำหรับจุดที่เกิดเหตุนั้นจากการตรวจสอบกับนักท่องเที่ยวพบว่า ก่อนเกิดเหตุนักท่องเที่ยวลงไปเล่นเซิร์ฟ กับสามี ห่างชายหาดประมาณ 6 เมตร ระดับน้ำลึกประมาณ 1 เมตร
นาย DAVIT MARTIN กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีฉลามจู่โจมคนนั้นในภูเก็ตยังไม่เคยพบ รายนี้ถือว่าเป็นรายแรก แต่ยืนยันว่าสัตว์ที่กัดนักท่องเที่ยวเป็นฉลามมากกว่า 90% ส่วนกรณีที่ชาวบ้านตกฉลามได้ที่บริเวณหาดกะรนนั้น จากการตรวจสอบพบว่า เป็นฉลามหูดำ เป็นฉลามประจำถิ่น ซึ่งในแต่ละปีตกได้ปีละ 3-4 ตัว ตัวที่ใหญ่สุดที่เคยตัดได้คือ 1 เมตร แต่จากการตรวจสอบบาดแผลของนักท่องเที่ยวความเป็นไปได้จะเป็น Bull shark มากกว่า สัตว์ชนิดอื่น
นาย DAVIT MARTIN กล่าวอีกว่า แม้ว่าฉลามไม่ใช่ศตรูของคน แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นก็ควรจะต้องมีมาตรการป้องกัน ทั้งในเรื่องของการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ รวมทั้งจะต้องมีการบินสำรวจเพื่อดูว่าในบริเวณชายหาดมีฉลามยังวนเวียนอยู่หรือไม่ ถ้ามีอยู่ก็จะต้องผลักดันออกไป และจะต้องหาสาเหตุการเข้ามาของฉลามว่า เข้ามาเพราะอะไร ซึ่งที่ผ่านมา จากการตรวจสอบพบว่า สาเหตุที่ทำให้ฉลามเข้าก็เรื่องของอาหารอาจจะมีสัตว์ขนาดใหญ่ตายในทะเล หรือการเข้ามาผสมพันธุ์
ขณะที่ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดยังไม่ทราบว่าเป็นสัตว์ชนิดไหน แต่จากการพูดคุยกับทางนักวิชาการยืนยันว่า เป็นฉลาม ในส่วนของจังหวัดจะประสานไปยังโรงแรมต่างๆ เพื่อให้เตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังในการลงเล่นน้ำ นอกจากนั้น ได้ประสานไปยังทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อขึ้นบินตรวจสอบว่ายังมีฝูงปลาฉลามในบริเวณชายหาดดังกล่าวหรือไม่ ถ้ายังอยู่ก็จะต้องผลักดันออกจากพื้นที่เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวได้รับอันตรายต่อไป
ขณะที่ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการประมง ได้โพสต์ในเฟสบุ๊กว่า ข่าวฉลามกัดนักท่องเที่ยวที่หาดกะรน ภูเก็ต ทีแรกก็ไม่มั่นใจว่าเป็นฉลาม แต่เมื่อเห็นภาพรอยแผลแล้วผมเห็นตรงกับกรมทะเลว่าน่าจะใช่ฉลาม เพราะแผลมีขนาดใหญ่ รอบแผลมีลักษณะช้ำ หมายถึงโดนกัด ไม่ได้โดมทิ่มจากกระเบน หรือโดนปลาอื่นที่มีปากเล็กกว่ากัด ขอบบาดแผลฉีกขาดคล้ายโดนของมีคมตัด แปลว่าฟันต้องคม และลึกจนถึงชั้นเนื้อ แปลว่าฟันต้องใหญ่พอใช้ ผมคิดไม่ออกว่ามีปลาชนิดใดฟันใหญ่ คม และปากกว้างพอทำให้เกิดแผลแบบนี้
คราวนี้มาดูว่าเป็นไปได้ไหม คำตอบคือ ได้ครับ คนที่ถูกฉลามกัดในเมืองไทยมีน้อยมาก ในรอบ 10 ปี มีแค่ฝรั่งรายหนึ่งที่มาเที่ยวเกาะพะงัน ว่ายน้ำไปตรงที่มีน้ำขุ่น โดนฉลามกัดน่อง ฝรั่งรายนั้นว่ายกลับมาจนถึงหาดคนรีบช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล แต่เสียเลือดมากจนเสียชีวิต เพราะฉะนั้น ฉลามเข้าน้ำตื้นได้ และถ้าถามว่าน่าจะเป็นฉลามชนิดใด ผมคิดว่าอาจเป็น bull shark ฉลามชนิดนี้พบทั่วโลก
มีรายงานว่า จู่โจมคนเป็นประจำ (ติดอันดับ 1 ใน 3 ของฉลามอันตรายที่สุด) เป็นฉลามที่เข้าน้ำตื้นได้ พบในไทย และเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมีรายงานว่า พบแถวกระบี่เป็นระยะ ฉลามอาจว่ายเข้ามาชายฝั่ง บังเอิญเจอแหม่มรายนี้กำลังเล่นน้ำ ฉลามไม่ได้คิดกินคน แต่เห็นอะไรไหวๆ ก็เลยงับ เมื่อรู้ว่าไม่ใช่อาหาร ก็ไม่สนใจ ว่ายต่อไปตามประสา เน้นย้ำว่าฉลามไม่ได้คิดกินคนนะครับ แค่เข้าใจผิดเท่านั้น เราไม่ต้องตามล่าฉลามให้ได้ เขาไม่ใช่ฆาตกร สำหรับข้อระวังก็ไม่มีอะไร โอกาสโดนฉลามกัดมีน้อยมาก และอย่าไปโกรธเกลียดฉลาม แต่ละปีคนตายเพราะฉลามไม่ถึง 4-5 คน หมา หรือวัวยังฆ่าคนมากกว่าฉลามตั้งเยอะ แต่เรากินฉลาม 50-70 ล้านตัว เข้าใจฉลาม ช่วยกันรักษาฉลามไว้ให้อยู่คู่ทะเล เลิกกินหูฉลามครับ
ขณะที่ นายทัศพล กระจ่างดารา นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานสำรวจและวิเคราะห์สภาวะทรัพยากรและประมง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลฝั่งอันดามัน (ภูเก็ต) กล่าวถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวถูกสัตว์ในทะเลที่มีการสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฉลามกัด ว่า ตนได้ตรวจสอบแล้วซึ่งลักษณะบาดแผลไม่ใช่ฉลามกัดอย่างแน่นอน แต่น่าจะถูกสัตว์ในกลุ่มขากรรไกรแข็ง เช่น ปลาวัว ปลานกแก้ว และปลาปักเป้า เป็นต้น
ซึ่งจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (2ก.ย.) ที่ได้ออกตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบปลาปักเป้าขนาดใหญ่น้ำหนักประมาณ 3-4 กิโลกรัม ว่ายน้ำอยู่ในบริเวณดังกล่าว ดังนั้น เหตุการณ์นักท่องเที่ยวถูกสัตว์น้ำกัดสันนิษฐานว่า น่าจะถูกปลาปักเป้ากัด ซึ่งอาจจะเกิดจากปลาตกใจที่นักท่องเที่ยวไปถูกตัวก็เป็นได้ โดยธรรมชาติแล้วปลาบักเป้าจะไม่กัดคนอยู่แล้ว
สำหรับลักษณะบาดแผลที่เกิดขึ้นบนหลังเท้าของนักท่องเที่ยว นายทัศพล กล่าวว่า จริงๆ แล้วถ้าเป็นฉลามกัดเนื้อจะหลุดออกเป็นก้อน ถ้ากัดเข้าที่บริเวณหลังเท้าก็จะทะลุถึงใต้ฝ่าเท้า ไม่ได้แหว่งเฉพาะบนหลังเท้า แต่ลักษณะบาดแผลที่เห็นเป็นรอยกัดลงบนหลังเท้าซึ่งเป็นไปได้มากที่สุดจะเป็นปลาปักเป้ากัดเข้าบริเวณหลังเท้ามากที่สุด ในส่วนบริเวณใต้ฝ่าเท้าเป็นรอยขีดขวนไม่แน่ใจว่าจะเป็นไปโดนตัวปลาหรือไม่ หรืออาจจะไปถูกหินบาด หรือรอยขีดข่วนตอนพาคนเจ็บขึ้นมาจากทะเลหรือไม่ แต่ดูจากบาดแผลเป็นเพียงรอยบาดเท่านั้นเอง ตนเองยืนยันชัดเจนว่า น่าจะเป็นปลาปักเป้าอย่างแน่นอน เพราะลักษณะรอยกัดใกล้เคียงกับบาดแผลที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะที่บรรยากาศบริเวณหน้าชายหาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำตามปกติ แต่ไม่มากเท่าที่ควร นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดประจำชายหาดได้นั่งเฝ้าคอยสังเกตการณ์ตลอดเวลา พร้อมได้นำเจ็ตสกีออกตรวจสอบรอบๆ บริเวณชายหาด