พังงา - สาธารณสุขพังงา คุมเข้มฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ หลังพบระบาดหนักในพื้นที่ตำบลคึกคัก ล่าสุด คร่าชีวิตเด็กชาวพม่า อายุ 2 ขวบแล้ว 1 ราย ขณะที่พ่อแม่เด็กที่เสียชีวิตที่เป็นตัวนำเชื้อยังหาตัวไม่พบ เบื้องต้น มีประชาชนเข้าใช้บริการแล้ว 3,000 คน
วันนี้ (9 ก.ค.) นายวิรัช เพาะปลูก สาธารณสุขอำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา ระดมทีมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล และ อสม. ลงพื้นที่ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ให้แก่ประชาชนชาวตำบลคึกคัก พนักงานโรงแรม และแรงงานต่างด้าวที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ตามหมู่บ้าน และสถานประกอบการโรงแรม และแคมป์แรงงานชาวไทย แรงงานต่างด้าว ในวันที่ 9-10 กรกฎาคม 2558 เพื่อป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคคอตีบในพื้นที่ตำบลคึกคัก
ทางนายธีมากรณ์ นพฤทธิ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีเด็กชายชาวพม่าอายุ 2 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ของตำบลคึกคัก ซึ่งเด็กที่เสียชีวิตเนื่องจากโรคคอตีบ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย ติดเชื้อโรคคอตีบมาจากพ่อแม่ที่กลับมาจากประเทศพม่า ซึ่งทางประเทศพม่าขณะนี้โรคคอตีบกำลังระบาด ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ไม่รู้สึกตระหนกแต่อย่างใด แต่เพื่อเป็นการป้องกันก็มารับการฉีดวัคซีนที่ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาให้บริการ สำหรับโรคคอตีบนี้ในจังหวัดพังงาเองไม่มีมานานแล้ว เพิ่งจะมีครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องป้องกัน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็ได้มีการรณณรงค์ฉีดวัคซีนไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีการกำหนดอายุว่าหากอายุเกิน 60 ปี จะยกเว้นไม่ต้องฉีดวัคซีน แต่ตอนนี้ต้องฉีดทุกคนแล้ว ไม่มีข้อยกเว้นแม้จะอายุเกิน 60 ปี
ด้าน นายวิรัช เพาะปลูก สาธารณสุขอำเภอตะกั่วป่า กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอตะกั่วป่า ได้ลงพื้นที่ตามหมู่บ้านที่อยู่ในตำบลคึกคัก เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ หลังจากมีเด็กชายชาวพม่าที่เสียชีวิตจนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ตื่นตัวมารับการฉีดวัคซีนกันเป็นจำนวนมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตะกั่วป่าเคยลงพื้นที่ฉีดวัคซีนมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่ทั่วถึง ซึ่งในครั้งนั้นมีการกำหนดอายุว่าถ้ามีอายุเกิน 60 ปีไม่ต้องฉีดวัคซีน แต่ครั้งนี้ไม่มีการจำกัดอายุเริ่มตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป
วันนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มาให้บริการแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลคึกคัก จำนวน 7 จุดบริการ มีประชาชนมาเข้ารับบริการทั้ง 7 จุด ประมาณกว่า 3,000 คน มีทั้งชาวไทย ชาวพม่า เนปาล และบังกลาเทศที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ให้ความสนใจ และในวันพรุ่งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะไปให้บริการแก่พนักงานโรงแรมต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ตำบลคึกคัก เพื่อให้ครอบคลุมทั้งตำบล และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป
วันนี้ (9 ก.ค.) นายวิรัช เพาะปลูก สาธารณสุขอำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา ระดมทีมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล และ อสม. ลงพื้นที่ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ให้แก่ประชาชนชาวตำบลคึกคัก พนักงานโรงแรม และแรงงานต่างด้าวที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ ตามหมู่บ้าน และสถานประกอบการโรงแรม และแคมป์แรงงานชาวไทย แรงงานต่างด้าว ในวันที่ 9-10 กรกฎาคม 2558 เพื่อป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคคอตีบในพื้นที่ตำบลคึกคัก
ทางนายธีมากรณ์ นพฤทธิ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีเด็กชายชาวพม่าอายุ 2 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ของตำบลคึกคัก ซึ่งเด็กที่เสียชีวิตเนื่องจากโรคคอตีบ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย ติดเชื้อโรคคอตีบมาจากพ่อแม่ที่กลับมาจากประเทศพม่า ซึ่งทางประเทศพม่าขณะนี้โรคคอตีบกำลังระบาด ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ไม่รู้สึกตระหนกแต่อย่างใด แต่เพื่อเป็นการป้องกันก็มารับการฉีดวัคซีนที่ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาให้บริการ สำหรับโรคคอตีบนี้ในจังหวัดพังงาเองไม่มีมานานแล้ว เพิ่งจะมีครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องป้องกัน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็ได้มีการรณณรงค์ฉีดวัคซีนไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยมีการกำหนดอายุว่าหากอายุเกิน 60 ปี จะยกเว้นไม่ต้องฉีดวัคซีน แต่ตอนนี้ต้องฉีดทุกคนแล้ว ไม่มีข้อยกเว้นแม้จะอายุเกิน 60 ปี
ด้าน นายวิรัช เพาะปลูก สาธารณสุขอำเภอตะกั่วป่า กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอตะกั่วป่า ได้ลงพื้นที่ตามหมู่บ้านที่อยู่ในตำบลคึกคัก เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ หลังจากมีเด็กชายชาวพม่าที่เสียชีวิตจนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ตื่นตัวมารับการฉีดวัคซีนกันเป็นจำนวนมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตะกั่วป่าเคยลงพื้นที่ฉีดวัคซีนมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่ทั่วถึง ซึ่งในครั้งนั้นมีการกำหนดอายุว่าถ้ามีอายุเกิน 60 ปีไม่ต้องฉีดวัคซีน แต่ครั้งนี้ไม่มีการจำกัดอายุเริ่มตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป
วันนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้มาให้บริการแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลคึกคัก จำนวน 7 จุดบริการ มีประชาชนมาเข้ารับบริการทั้ง 7 จุด ประมาณกว่า 3,000 คน มีทั้งชาวไทย ชาวพม่า เนปาล และบังกลาเทศที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ให้ความสนใจ และในวันพรุ่งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะไปให้บริการแก่พนักงานโรงแรมต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ตำบลคึกคัก เพื่อให้ครอบคลุมทั้งตำบล และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป