สาธารณสุขอุดรธานีพร้อมรับมือไวรัสเมอร์ส

อุดรธานี - สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มมาตรการเฝ้าระวังเมอร์ส มุ่งให้ความรู้แก่เจ้าหน้าโรงพยาบาลของรัฐทั้ง 220 แห่ง พร้อมเฝ้าระวังแรงงานกลุ่มเสี่ยงจากประเทศจอร์แดน ยันทุกฝ่ายพร้อมรับมือ

วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่โรงพยาบาลอุดรธานี นพ.สมิต ประสันนาการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี นพ.ชุติเดช ตาบ-องครักษ์ ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี นายเอกชัย เทียนสุคนธ์ ประธานคณะกรรมการงานป้องกันควบคุมการติดเชื้อ ร่วมกันแถลงข่าวการหาแนวทางป้องกันการคัดกรองเพื่อเฝ้าระวัง และรักษาผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดนก (H5,H7) และมาตรการดำเนินการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง(MERS) : Middle East Respiratory Syndrome: หรือโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ 2012

นพ.สมิต ประสันนาการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า จังหวัดอุดรธานีได้เตรียมการป้องกัน และหาแนวทางป้องกัน โดยมีมาตรการออกไปให้ความรู้แก่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง รวมทั้งโรงพยาบาล รพ.สต. ทั้งจังหวัด 220 แห่งแล้ว โรคดังกล่าวสามารถแพร่ระบาดได้ทางเสมหะ มีระยะการฟักตัวโรคตั้งแต่ 2-14 วัน อาการของคนที่เริ่มติดเชื้อแล้วจะมีอาการไอ มีไข้ หรืออาจจะมีอาการท้องเสีย หอบ ปอดอัดเสบ สามารถทำให้เสียชีวิตได้

ทั้งนี้ ประเทศไทยพบผู้ป่วยเป็นรายแรกเป็นชาวตะวันออกกลาง อายุ 75 ปี ซึ่งเข้ามาในประเทศไทย ในระยะแรกไม่มีอาการแสดงว่าเป็นโรคเมอร์ส ขณะนี้ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร และมีการกักตัวผู้ใกล้ชิด 59 คน นอกจากนี้ พบผู้ต้องสงสัยแล้ว 1 ราย เป็นชาวอำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี จึงเข้าคุมตัวบุคคลดังกล่าวทำการกักตัวเอาไว้ที่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ เป็นทีมงานเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 6-20 มิ.ย.2558 ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบอาการของโรคดังกล่าวแต่อย่างใด

นพ.ชุติเดช ตาบ-องครักษ์ ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ส่วนกรณีการป้องกันโรคเมอร์สนั้นทางโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ได้เตรียมสถานที่กักตัวผู้ที่ติดเชื้อไว้แล้ว โดยให้ห่างจากอาคารผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งใช้บริเวณชั้นล่างของอาคารอำนวยการเก่า ทำเป็นห้องกักตัวแบบปลอดเชื้อ ซึ่งขณะนี้เตรียมห้องกักเชื้อเอาไว้ 2 ห้อง และสามารถขยายพื้นที่ได้เป็น 9 ห้อง หากว่าอยู่ในสภาวะการแพร่ระบาด

พร้อมกันนี้ ทางโรงพยาบาลได้จัดจุดป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่พยาบาลตั้งจุดทำการฉีดวัคซีนโดยไม่คิดมูลค่าที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารอำนวยการเดิม ไม่เว้นวันหยุดราชการ