ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ต เตรียมพร้อมรับโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2012 (MERS-CoV : Middle East Respiratory Syndrome) เน้นมาตรการเฝ้าระวังคัดกรอง และวินิจฉัยผู้ป่วยให้ได้เร็วที่สุดตั้งแต่สนามบิน
เมื่อเวลา 11.40 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่บริเวณทางขาเข้าต่างประเทศ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นายวีระ เกิดศิริมงคล นายอำเภอถลาง นายแพทย์อานนท์ แก้วบำรุง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลถลาง นายอำนวย สาระชาติ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเยี่ยมจุดคัดกรองโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือกลุ่มทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือเมอร์ส (MERS) เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือต่อโรคดังกล่าว
โดยทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ได้สาธิตการใช้เครื่องอินฟราเรดเทอโมสแกน มาทำการตรวจวัดอุณหภูมิความร้อนของร่างกายผู้โดยสารเที่ยวบิน ซึ่งบินตรงจากเมืองเสี่ยงประเทศในแถบตะวันออกกลาง และประเทศเกาหลีใต้ หลังพบการระบาดของโรคเมอร์ส (MERS) ดังกล่าว ซึ่งแต่ละวันท่าอากาศยานภูเก็ตจะมีเที่ยวบินตรงจากเมืองเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง จำนวน 5 เที่ยวบิน ได้แก่ โดฮา-ภูเก็ต 1 เที่ยวบิน อาบูดาบี-ภูเก็ต 1เที่ยวบิน ดูไบ-ภูเก็ต 1เที่ยวบิน และอินชอน-ภูเก็ต 2 เที่ยวบิน ซึ่งมีผู้โดยสารจากกลุ่มประเทศต้นทางเข้ามาวันละประมาณ 1,000 คน ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 9-18 มิถุนายน 2558 มีเที่ยวบินจากเมืองเสี่ยงดังกล่าวเข้ามารวม 50 เที่ยวบิน 9,677 ราย จากการคัดกรองพบผลปกติ
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมฯ ว่า ในส่วนของภูเก็ตมีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก โดยมีเที่ยวบินจากเมืองประเทศเสี่ยงของโรคดังกล่าว ทั้งตะวันออกกลาง และเกาหลี ประมาณ 5 สายการบินต่อวัน เมื่อเกิดสถานการณ์ดังกล่าวขึ้นทางจังหวัดภูเก็ต โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังมาตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารไปแล้วประมาณ 9,677 คน ปรากฏว่า ไม่พบผู้เข้าข่ายที่จะเป็นโรคเมอร์ส เพียงแต่พบผู้มีอาการป่วยปกติ ซึ่งจังหวัดภูเก็ตก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีการติดตามตลอดช่วงเวลาของการที่เชื้อฟักตัวใช้เวลาประมาณ 14 วัน เชื่อว่าจากมาตรการเฝ้าระวัง และคัดกรองดังกล่าวจะป้องกันโรคดังกล่าวได้ ซึ่งเริ่มจากค่าอุณหภูมิร่างกายต่ำๆ และหากพบอุณหภูมิที่สูงเกินกำหนดก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจอย่างละเอียด คือ มีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5 องศาขึ้นไป แต่หากมีไข้อื่นๆ ก็จะมีการติดตาม โดยมีทีมเฝ้าระวังสอบสวนโรค สำนักงานสาธารณสุขดูแลติดตามอีกชั้นหนึ่งเพื่อความมั่นใจ
นายนิสิต กล่าวย้ำว่า ขอให้มั่นใจว่าที่สนามบินภูเก็ตมีการเตรียมความพร้อม มีมาตรการดูแล โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว ซึ่งเรามีมาตรการในการตรวจคัดกรองอย่างดี
ด้าน นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการดำเนินกรณีพบผู้ป่วย ว่า ถ้ากรณีตรวจเจอจากการคัดกรองที่สนามบิน จะจัดส่งให้กับทีมที่มีการใส่ชุดป้องกันโรคอย่างดี จากนั้นก็จะส่งไปยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อลดการกระจาย และสัมผัสกับโรค ส่วนกรณีเจอที่โรงพยาบาล เนื่องจากระยะฟักตัวของโรคมีระยะเวลา 14 วัน ซึ่งจะมีหน่วยคัดกรองในแต่ละโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชน รวม 8 แห่ง ของจังหวัดภูเก็ต โดยมีห้องแยกโรคมาตรฐานสำหรับดูแลผู้ป่วยที่มีอาการสงสัย ภายในห้องจะมีอุปกรณ์ตามมาตรฐานแก่บุคลากร และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล แต่ปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวังโรค รวมทั้งมีทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่ติดตามผู้สัมผัส ซึ่งไม่เฉพาะในส่วนของสนามบินเท่านั้น แต่รวมถึงทางเรือด้วย โดยขณะนี้ยังไม่มีการเดินทางทางเรือมาจากกลุ่มประเทศเสี่ยง
นายแพทย์ขจรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางจังหวัดภูเก็ต จะไม่ประมาทเกี่ยวการตรวจโรคดังกล่าวอย่างแน่นอน โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ตรวจอย่างละเอียด หากพบก็ให้กักตัวไว้ทันที เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตปลอดภัยจากโรคนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ขอให้ประชาชนที่เดินทางไปพื้นที่ระบาดให้รักษาสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำ ใช้มาตรการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หลีกเลี่ยงเข้าไปสถานที่แออัด หากจำเป็นใส่หน้ากากอนามัย ผู้ที่เดินทางจากพื้นที่ระบาดหากมีไข้ต้องรีบพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทร.ปรึกษาสายด่วน กรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำเป็นหลีกเลี่ยงการเดินทางไปพื้นที่ระบาดไว้ก่อน