เรื่องและภาพ : เจนณรงค์ พินลานทุ่ม / จักรพงศ์ คงเพ็ง / ชเนตตีศรีบุญนาค / อริสา สีรัตน์ / มารีหยาม มุเสมสะเดา
นอกจากชายหาดสมิหลาที่หยัดอยู่คู่บ้านเมือง และทำหน้าที่ห้องรับแขกของภาคใต้ตอนล่างมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว “เมืองสงขลา” หัวเมืองสำคัญทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวของภาคใต้ตอนล่าง เมืองที่มีประวัติศาสตร์สืบสานมานานยาวในเวลานี้ยังมีอีกมนต์เสน่ห์ที่กำลังเป็นที่บอกกล่าวเล่าขานกันอย่างมีนัยสำคัญ และดูดดึงผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติให้มาเยี่ยมชม
“ถนนนางงาม” ถนนสายวัฒนธรรมย่านใจกลางเมืองเก่า หลายปีที่ผ่านมาได้เทศบาลนครสงขลาได้ปลุกปั้น ปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นถนนคนเดินจนเวลานี้เป็นที่เชิดหน้าชูตา และเป็นอีกหนึ่งจุดขายด้านการท่องเที่ยวสำคัญของเมืองสงขลา
ถนนนางงามเดิมมีชื่อเรียกว่า“ถนนเก้าห้อง”ต่อมาในปี 2478 จังหวัดสงขลาได้จัดงานปีใหม่ พร้อมให้มีการประกวดนางงามสงขลา ซึ่งผู้ที่ได้รับตำแหน่งนางงามสงขลาในครานั้นมีถิ่นฐานอยู่บนถนนเก้าห้อง ส่งผลให้มีการเรียกถนนสายนี้ในชื่อใหม่ว่า “ถนนนางงาม”ซึ่งนอกจากจะติดปากและตราตรึงใจผู้คนแล้ว ทางราชการก็ยังยินยอมให้มีการเปลี่ยนชื่อถนนสายนี้ตามคำเรียกขานของผู้คนอีกด้วย
“เที่ยวท่องล่องใต้”จึงได้ส่งทีมไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ “ถนนนางงาม” เพื่อนำความมาบอกกล่าวเล่าขานสู่กันฟังไว้ ณ ที่นี้
ปัจจุบัน 2 ข้างทางริมถนนมากมนต์เสน่ห์สายนี้ยังมากมายไปด้วยบ้านเรือนที่ทั้งเก่าและมากคุณค่า ส่วนใหญ่เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ออกสไตล์แบบจีน เพราะย่านนี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวไทยเชื้อสายจีนมาอย่างยาวนาน โดยคนจำนวนมากมักเรียกขานหมู่เหล่าอาคารรูปแบบนี้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์“ชิโน-โปรตุกีส”ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจในจินตภาพ แม้จะยังไม้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติก็ตามที
นอกจากความงดงามของสถาปัตยกรรมที่ว่าแล้ว วิถีชีวิตที่สอดรับกับวัฒนธรรมประเพณีของผู้คนย่านนี้ ซึ่งมีทั้งอัตลักษณ์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว สิ่งเหล่านี้ก็นับว่ามากมนต์ขลังไม่น้อย ตลอดแถวแนวบ้านเรือนมีศาลเจ้าวัดจีนสอดแทรกไว้อย่างลงตัวร้านรวงทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคที่มากกลิ่นอายสายเลือกมังกรก็มีให้เลือกสรรหลากหลาย
การเดินทอดน่องชื่นชมสิ่งละอันพรรณละน้อยไปเรื่อยๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบอะไรนัก หรือละสายตาจากหน้าจอบนฝ่ามือ แล้วผินสายตาไปรับรู้เรื่องราวรอบๆ ตัวตามเส้นทางที่ถูกกำหนดให้เดินรถได้ทางเดียวนับว่าน่าจะเป็นอีกอากับกริยาที่ชีวิตจะได้รับสิ่งดีๆ ที่รื่นรมย์มากกว่ามิใช่หรือ
สิ่งดีๆ บนถนนนางงามเริ่มแรกก็ที่นี่เลย“ร้านขนมบูตู”ขนมพื้นบ้านพื้นเมืองของชาวไทยมุสลิม ต้องบอกว่าหากินยากได้ยากมากในปัจจุบัน ร้านนี้ตั้งอยู่บนฝั่งขวามือ เวลานี้ถือเป็นเจ้าเดียวในเมืองสงขลา ขายเฉพาะเสาร์-อาทิตย์“ขนมบูตู”ทำมาจากแป้งหลายชนิด มีไส้ข้างในเป็นน้ำตาลโตนด หรือไม่ก็น้ำตาลทราย เลือกสรรได้ตามใจชอบ เสิร์ฟพร้อมกับมะพร้าวขูด ทำให้ลิ้นได้สัมผัสรสหวานของน้ำตาล และความนุ่มละมุนของแป้งที่ใช้ห่ออีกทั้งยังเพิ่มความมันด้วยมะพร้าว
ต่อด้วย “ร้านขนมหวานยายคิ้ม” เป็นร้านขายขนมหวานบนรถเข็นที่มีอายุอานามสืบต่อมากว่า 50 ปีมีขนมไทยหลากหลายชนิดในเลือกชิม อาทิ ฝอยทอง ทองหยอด สาเกเชื่อม ข้าวเหนียวมะม่วง แต่ที่ขาดไม่ได้คือ“ข้าวต้มมัดกล้วยนางยา”ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อลือชานัก
“ร้านก๋วยเตี๋ยวหางหมู”ใครที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลามและทานเนื้อหมูได้ ต้องขอบอกว่าไม่น่าที่จะพลาดลิ้นลองก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ เป็นสูตรไม่เหมือนที่ไหนๆ เพราะ “คุณฮองเจล” ผู้เป็นเจ้าของคิดค้นขึ้นเอง มีเครื่องปรุงที่ลงตัว ใช้น้ำโตนดเหลวแทนน้ำตาลทราย ใช้หางหมูที่คัดสรรและหั่นมาแบบพอดีคำ ทำให้ร้านได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน
“ร้านเกาะไทย”เป็นแหล่งรวมของบรรดาสมาชิกสภาชา-กาแฟ ทั้งในพื้นที่และจากต่างถิ่นที่แวะเวียนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในยามเช้าชา กาแฟ และเครื่องดื่นนานาชนิดมีให้เลือกสรร แต่ที่ต้องนับเป็นเมนูเด็ดของร้านนี้คือ “โจ๊กเกาะไทย”ที่คัดสรรเนื้อหมูมาอย่างดีมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงที่ลงตัว ทำให้รสชาติอร่อยได้โดยไม่ต้องปรุง แถมมีเนื้อหมูให้กินได้แบบเน้นๆ ทุกคำ ทางร้านยังมีปาท่องโก๋ไว้บริการสำหรับคนที่ชอบแกล้มกับโจ๊ก รับรองว่าลงตัวอย่างแน่นอน
“ร้านเกาะไทย”เป็นแหล่งรวมของบรรดาสมาชิกสภาชา-กาแฟ ทั้งในพื้นที่และจากต่างถิ่นที่แวะเวียนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในยามเช้าชา กาแฟ และเครื่องดื่นนานาชนิดมีให้เลือกสรร แต่ที่ต้องนับเป็นเมนูเด็ดของร้านนี้คือ “โจ๊กเกาะไทย”ที่คัดสรรเนื้อหมูมาอย่างดีมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงที่ลงตัว ทำให้รสชาติอร่อยได้โดยไม่ต้องปรุง แถมมีเนื้อหมูให้กินได้แบบเน้นๆ ทุกคำ ทางร้านยังมีปาท่องโก๋ไว้บริการสำหรับคนที่ชอบแกล้มกับโจ๊ก รับรองว่าลงตัวอย่างแน่นอน
มาถึง“ร้านบ้านขนมไทยสองแสน” เป็นร้านที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องต้นตำรับขนมไทยที่อยู่คู่กับถนนนางงามมานานนม เมนูเด่นของร้านคือ “ขนมทองเอก”ด้วยความพิเศษของเนื้อแป้งที่เป็นสูตรลับเฉพาะ การันตีว่ารสชาติไม่เหมือนขนมแบบเดียวกันในถิ่นอื่นๆนอกจากนี้ยังมีขนมอีกหลากหลายชนิด เช่นสัมปันนี ข้าวฟ่างกวน มะม่วงแช่อิ่ม ขนมขี้มอด ฯลฯ ใครจะซื้อหาไปเป็นของกินเล่นหรือของฝากก็ไม่เป็นที่น้อยหน้าอย่างแน่นอน
“ร้านไอศกรีมโอ่ง”การใช้เครื่องปันดินเผาในรูปแบบโอ่งเคลือบขนาดเล็กเป็นภาชนะนอกจากเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์แล้ว ยังใช้ในการควบคุมความเย็นให้คงนานอีกด้วย ไอศกรีมที่นี่มีให้เลือก 2 รสชาติคือ “รสดั้งเดิม” กับ “รสลิ้นจี่”เมนูแนะนำแบบพลาดไม่ได้คือรสชาติต้นตำหรับที่ใส่ไข่แดงลงไปบนไอศกรีม ทานคู่กับ “ลูกชิ้นปลา” ที่เป็นสูตรเด็ดของทางร้าน และกล้วยหอมลูกใหญ่ทำให้เพิ่มพูนความอร่อยยิ่งขึ้นถือได้ว่าเป็นร้านเด็ดร้านดังบนถนนสายนี้ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ร่ำลือชนิดใครไปเที่ยวเมืองสงขลาแล้วไม่ได้กินไอศกรีมร้านนี้ ถือว่ายังไปไม่ถึงเมืองสงขลาเลยทีเดียว
ตามติดด้วย “ร้านก๋วยเตี๋ยวใต้ถุนโรงงิ้ว” ที่มาของชื่อก็สุดแสนจะตรงประเด็นคือ โต๊ะที่นั่งกินอยู่ใต้ถุนโรงงิ้ว เวลาจะเข้าไปที่โต๊ะบริการต้องก้มหัวให้สุดๆไม่งั้นจะได้รับของฝากกลับไปคือ ไม่โนก็แตกแถมที่นั่งก็เป็นเพียงโต๊ะไม้ต่ำๆ ดีที่บรรยากาศรอบข้างระบายลมเย็นๆ ได้ดีแม้จะเป็น “ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส” แต่มีความพิเศษที่กระดูกหมูจะถูกต้มจนเปื่อยยุ่ย รวมไปถึงลูกชิ้นหมูที่ถูกนำไปคลุกเคล้าด้วยกระเทียมและพริกไทย มนต์เสน่ห์ของร้านนี้อีกอย่างคือ หากวันไหนที่ลูกค้าอุดหนุนหนาแน่นจนทำไม่ทัน การจู้จี้กับ “ป้ารุ่ง” เดี่ยวมือหนึ่งในการลวกเส้นเป็นเรื่องที่ควรต้องหลีกเลี่ยงอย่างที่สุด
“ร้านเกียดฟั่งข้าวสตู” หรือ “ร้านโกยาว” ถือเป็นร้านอาหารประเภทข้าวสตูเจ้าแรกของเมืองสงขลา เมื่อย่างกรายเข้าไปในร้านก็จะได้สัมผัสบรรยากาศแบบจีนๆ ทางร้านเปิดให้บริหาร 2 ช่วงเวลาคือช่วงเช้าจะขาย “สตู” มีให้เลือกชิมทั้งสตูไก่ สตูหมูเครื่องในหมูและน้ำซุปรสเข้มข้นกลมกล่อม กินกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วรสชาติอร่อยอย่างบอกใคร จากนั้นจะเปิดให้บริการอีกทีในช่วงบ่าย อาหารประจำร้านก็จะเปลี่ยนมาเป็น“ซาลาเปา” ซึ่งหลายคนมักเรียกขานร้านนี้ว่า “ร้านศาลาเปาลูกใหญ่” โดยหลากรสและหลายขนาดให้เลือกสรร แต่รับรองเนื้อแป้งเหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอมพิเศษ
มาถึงร้านสุดท้ายที่อยากจะแนะนำ ซึ่งก็อยู่ท้ายสุดตามเส้นทางวันเวย์ของถนนสายนี้คือ “ร้านเต้าคั่วป้าจวบ”สินค้าก็ตามที่เรียกขานนั่นแหละคือ “เต้าคั่ว” อาหารพื้นบ้านพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดสงขลาโดยแท้ ป้าจวบมีวิธีการปรุงรสเต้าคั่วแบบเฉพาะตัวจริงๆ จึงอร่อยแบบไม่เหมือนใคร สำหรับส่วนประกอบของเต้าคั่วทั่วๆ ไปก็จะมีเส้นหมี่หุ้น หรือหมี่ขาว ซึ่งจะนำไปลวกแบบเดียวกับผักบุ้ง แตงกวา แซมด้วยกุ้งชุบแป้งทอด เต้าหู้ แล้วราดด้วยน้ำปรุงที่ออกรสหวานอมเปรี้ยวเป็นหลัก ทานคู่กับไข่ต้มนับว่าอร่อยจนต้องซื้อติดมือกลับไปด้วย
เมื่อเดินเสาะหาอาหารการกินในแถบถิ่นย่านถนนนางงามแล้ว กิจกรรมที่ต้องไม่พลาดอีกอย่างหนึ่งคือการได้นั่งล้อมวงถ่ายรูปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสภาชา-กาแฟ “ฟูเจา” กับ “3 อากงใจดี”หรือกับภาพศิลปะข้างถนน “สตรีทอาร์ต”ซึ่งถูกวาดลงบนผนังอาคารเก่าอายุกว่า 98 ปีได้อย่างลงตัว เพื่อจะได้เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าได้เคยไปสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่นมาแล้ว โดยองค์ประกอบของภาพประกอบด้วย อาแป๊ะ 3 คนนั่งกินน้ำชา อ่านหนังสือพิมพ์และพูดคุยกันอย่างมีความสุข
ใครที่มีโอกาสไปเที่ยวหรือมีธุระปะปังให้ต้องไปเยี่ยมเยียนเมืองสงขลา อย่าลืมหาเวลาแวะไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของย่าน “ถนนนางงาม”ใจกลางเมืองเก่า นอกจากจะได้ตื่นตาตื่นใจ ลิ้มรสของอร่อยๆ และซื้อกลับไปเป็นของฝากอย่างหากหลายแล้ว อย่าลืมถ่ายภาพร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสภาชา-กาแฟกับบรรดาอาแป๊ะริมผนังตึกด้วย
การเดินทางล่องใต้ไปเที่ยวท่องยังย่าน “ถนนนางงาม” ก็ไม่น่าจะยุ่งยากอะไร เมื่อไปถึงเมืองสงขลาก็ถามผู้คนที่นั่นได้ว่าไปทางไหน อย่างไร จะไปด้วยเดินเท้าหรือตุ๊กๆ เชื่อว่าทุกคนแนะนำให้ได้ แต่ถ้าเป็นรถส่วนตัวก็ต้องศึกษาเส้นทางไว้หน่อย เพราะในเขตเมืองมีถนนวันเวย์ไม่น้อย โดยจะสอบถามไปที่สำนักงาน ททท.หาดใหญ่ (สงขลา-พัทลุง) 074-231055 หรือเทศบาลนครสงขลา 074-311015 ก่อนก็น่าจะเป็นการดียิ่ง