xs
xsm
sm
md
lg

กรมทรัพยากรทางทะเลฯ จัดโครงการอนุรักษ์พื้นฟูทะเลไทยที่ภูเก็ต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดโครงการ “อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน เนื่องในวันทะเลโลก ปี 2558”

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่สวนสาธารณะลานโลมา หาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จังหวัดภูเก็ต และเทศบาลเมืองป่าตอง จัดโครงการ “อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน เนื่องในวันทะเลโลก ปี 2558” ภายใต้แนวคิด Healthy oceans, healthy planet ทะเลสวยสะอาด โลกสวยสดใส” เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญ และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิด และมีนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชน และนักดำน้ำอาสาสมัคร จำนวน 800 คนเข้าร่วม

ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้ทางทะเล การเก็บขยะทั้งบนชายหาด และในทะเล รวมทั้งการลงนามในปฎิญญาร่วมกัน 8 เครือข่าย คือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชมรมเรือหางยาวอ่าวป่าตอง ชมรมเรือหางยาวอ่าวบางเทา ชมรมเจ็ตสกีหาดป่าตอง เรือนำเที่ยวดำน้ำ Liveaboard ชมรม Go Eco Phuket สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอันดามัน และสมาคมประมงภูเก็ต

นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า วันทะเลโลก หรือ World Day เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2535 โดยความร่วมมือของกลุ่มประชาคมโลกได้รวมกันเพื่อเผยแพร่ความรู้ และรณรงค์ส่งต่อไปยังประชาชนทั่วโลกผ่านเครือข่ายต่าง และได้ประชุมกันที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล กำหนดให้วันที่ 8 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันทะเลโลก เพื่อให้ประชาชนทั่วโลกได้เล็งเห็นความสำคัญของท้องทะเล และกระตุ้นจิตสำนึกให้ตื่นตัว และใส่ใจต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมใต้ท้องทะเลของท้องถิ่นตนเอง

“จากการที่ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาตินิยมเดินทางไปท่องเที่ยวมากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ โดยสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจท่องเที่ยวมากที่สุด เป็นมูลค่านับหมื่นล้านบาทต่อปี แต่ในขณะเดียวกัน ธุรกิจการท่องเที่ยวทางทะเลกลับส่งผลให้เกิดขยะจำนวนมากจนสร้างปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม บางส่วนนำไปฝังกลบแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนขยะที่เพิ่มขึ้น ขยะบางส่วนถูกทิ้ง หรือหลุดลอยลงสู่ลำคลอง ลงสู่ทะเล ส่งผลให้สัตว์น้ำในแหล่งเพาะเลี้ยง และแหล่งธรรมชาติตาย เนื่องจากมีคุณภาพน้ำต่ำ มีขยะมูลฝอยจำพวกถุงพลาสติกและขวดน้ำบางส่วนที่ลงสู่ท้องทะเล ไปปกคลุมแหล่งปะการังที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้นั้น มีสภาพเสื่อมโทรมไม่มีความงดงามตามธรรมชาติ” นายโสภณกล่าว

นายโสภณ กล่าวต่ออีกว่า เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงมีการสำรวจและพบว่า ขยะในทะเลส่วนใหญ่มาจากขยะพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ และทำให้สัตว์ทะเลหายาก เช่น เต่าทะเล และพะยูน ได้รับบาดเจ็บและตายเป็นจำนวนมาก จากการที่ขยะพลาสติกเข้าไปทำให้อุดตันบริเวณทางเดินอาหาร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้ถือเอาวันทะเลโลก เป็นจุดเริ่มต้นในการอนุรักษ์ หวงแหนท้องทะเลไทย และการแก้ไขปัญหาขยะในท้องทะเล ด้วยการสร้างจิตสำนึกผ่านกิจกรรมต่างๆ ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาขยะในท้องทะเลอย่างจริงจัง และหยุดพฤติกรรมทำลายทะเลโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ตั้งแต่วันนี้เป็นตันไป

ด้าน พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรฯ เป็นหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการดูแลรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของชาติ โดยมีเป้าหมายสงวน อนุรักษ์ ฟื้นฟู และจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างบูรณาการที่ตอบสนองต่อการพัฒนา และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ซึ่งปัจจุบันทรัพยากรทางทะเลของไทยต้องประสบกับภาวะเสื่อมโทรมลงเป็นอย่างมาก ทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติ และเกิดจากน้ำมือมนุษย์ ได้แก่ ปัญหาความเสื่อมโทรมของป่าชายเลนที่มีพื้นที่ป่าสมบูรณ์เหลืออยู่เพียง 1.52 ล้านไร่ ปัญหาการตายของสัตว์ทะเลหายาก เช่น เต่าทะเล โลมา พะยูน ปัญหาแนวปะการังที่มีความสมบูรณ์เพียงร้อยละ 10-20 ปัญหาขยะทะเลในรอบ 6 ปีที่มีสถิติสะสมสูงถึงกว่า 50 ตัน และผลกระทบจากการท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขและฟื้นฟู โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญของการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยผลักดันให้มีพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 เพื่อคุ้มครองฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิถุนายน 2558 ทั้งนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวจะเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล




 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น