ระนอง - ผวจ.ระนอง กำชับ 17 หน่วยงานสกัดโรฮีนจา จี้เร่งปราบขบวนการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบตามแผนปฏิบัติการ เผยผลลาดตระเวนยังไม่พบการกระทำผิด
ระนอง - นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ได้ประชุมเพื่อสั่งการ 17 หน่วยงานเกี่ยวข้องต่อความมั่นคงถึงแนวทางปฏิบัติให้แก่ผู้บังคับบัญชาทั้ง 17 หน่วยงาน ในการแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายทางทะเลชาวโรฮีนจา และการค้ามนุษย์ โดยได้สั่งกำชับและเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลคือ เร่งปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบในพื้นที่ จ.ระนอง
พร้อมวางแนวทางการดำเนินการปฏิบัติต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเลชาวโรฮีนจา โดยให้หน่วยงานเกี่ยวข้องปฏิบัติดังนี้ หากพบกลุ่มผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮีนจา ที่อยู่ในทะเล ให้กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นฝ่ายดำเนินการดูแล ซึ่งจะต้องมีการช่วยเหลือต่างๆ เช่น อาหาร ยารักษาโรค น้ำมัน ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล เพื่อให้ชาวโรฮีนจาเดินทางต่อไปยังประเทศที่สามตามความต้องการ
แต่หากกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮีนจาเข้ามาในน่านน้ำประเทศไทย จะต้องจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยให้ศูนย์ประมงชายแดนทางทะเลไทย-พม่า (ศปชล.ทพ.) เป็นหน่วยประสานงานร่วมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ในการดำเนินการ ส่วนหากมีการควบคุมตัว สถานที่ควบคุมตัวชาวโรฮีนจาที่ยังไม่สามารถส่งกลับได้ให้ดำเนินการตามกฎหมา ยและต้องเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน
นายพรชัย สิทธิเกษตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งมีแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าครอบคลุมพื้นที่ จ.ระนอง และ จ.ชุมพร กล่าวว่า ได้จัดชุดลาดตระเวนสืบหาข่าวเพื่อเฝ้าระวังการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณป่าคลองน้อย ม.8 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี ไม่พบการกระทำผิด ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวน และตรวจสอบพื้นที่ ม.9 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี บริเวณบ้านในกรังแนวรอยต่อพรมแดนไทย-พม่า ไม่พบการกระทำความผิด นอกจากนี้ พื้นที่แนวพรมแดนจุดพิกัด ม.8 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี ไม่พบการกระทำผิด รวมทั้งได้ตรวจสอบแนวรอยต่อ จ.ระนองกับ จ.ชุมพร จุดพิกัด ม.5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ไม่พบการกระทำผิด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ประมาทยังคงจัดชุด จนท.ออกลาดตระเวนแ ละตรวจสอบพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มีการใช้พื้นที่ป่าเป็นจุดพักพิง และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ระนอง - นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ได้ประชุมเพื่อสั่งการ 17 หน่วยงานเกี่ยวข้องต่อความมั่นคงถึงแนวทางปฏิบัติให้แก่ผู้บังคับบัญชาทั้ง 17 หน่วยงาน ในการแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายทางทะเลชาวโรฮีนจา และการค้ามนุษย์ โดยได้สั่งกำชับและเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลคือ เร่งปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบในพื้นที่ จ.ระนอง
พร้อมวางแนวทางการดำเนินการปฏิบัติต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเลชาวโรฮีนจา โดยให้หน่วยงานเกี่ยวข้องปฏิบัติดังนี้ หากพบกลุ่มผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮีนจา ที่อยู่ในทะเล ให้กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นฝ่ายดำเนินการดูแล ซึ่งจะต้องมีการช่วยเหลือต่างๆ เช่น อาหาร ยารักษาโรค น้ำมัน ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล เพื่อให้ชาวโรฮีนจาเดินทางต่อไปยังประเทศที่สามตามความต้องการ
แต่หากกลุ่มผู้อพยพชาวโรฮีนจาเข้ามาในน่านน้ำประเทศไทย จะต้องจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยให้ศูนย์ประมงชายแดนทางทะเลไทย-พม่า (ศปชล.ทพ.) เป็นหน่วยประสานงานร่วมบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ในการดำเนินการ ส่วนหากมีการควบคุมตัว สถานที่ควบคุมตัวชาวโรฮีนจาที่ยังไม่สามารถส่งกลับได้ให้ดำเนินการตามกฎหมา ยและต้องเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน
นายพรชัย สิทธิเกษตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งมีแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าครอบคลุมพื้นที่ จ.ระนอง และ จ.ชุมพร กล่าวว่า ได้จัดชุดลาดตระเวนสืบหาข่าวเพื่อเฝ้าระวังการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณป่าคลองน้อย ม.8 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี ไม่พบการกระทำผิด ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ลาดตระเวน และตรวจสอบพื้นที่ ม.9 ต.จ.ป.ร. อ.กระบุรี บริเวณบ้านในกรังแนวรอยต่อพรมแดนไทย-พม่า ไม่พบการกระทำความผิด นอกจากนี้ พื้นที่แนวพรมแดนจุดพิกัด ม.8 ต.ปากจั่น อ.กระบุรี ไม่พบการกระทำผิด รวมทั้งได้ตรวจสอบแนวรอยต่อ จ.ระนองกับ จ.ชุมพร จุดพิกัด ม.5 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ไม่พบการกระทำผิด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ประมาทยังคงจัดชุด จนท.ออกลาดตระเวนแ ละตรวจสอบพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้มีการใช้พื้นที่ป่าเป็นจุดพักพิง และสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
