รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาล เน้นในกลุ่มเสี่ยง 9 กลุ่ม เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่ผู้ที่เสี่ยงต่อการป่วย และมีอาการรุนแรงหลังติดเชื้อ เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ฟรีทุกสิทธิการรักษา ที่โรงพยาบาล และสถานบริการสาธารณสุขภาครัฐทุกแห่ง
กระทรวงสาธารณสุข จัดรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้บุคลากรด้านการแพทย์ และประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดปัญหาการเจ็บป่วย ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และลดความเสี่ยงอันตรายหลังติดเชื้อ เนื่องจากขณะนี้ย่างเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พบโรคนี้สูงที่สุด และโรคนี้ติดต่อกันง่ายทางการไอจาม ตั้งเป้าฉีดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 9 กลุ่ม ฟรีทุกสิทธิการรักษา ประกอบด้วย 1.หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปีทุกคน 3.ผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว 7 โรค ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด โรคเบาหวาน 4.ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมีย 7.ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง 8.โรคอ้วนน้ำหนักตัว มากกว่า 100 กิโลกรัมขึ้นไป และ 9.บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทำลายสัตว์ปีก
ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประกาศฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ และกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งควรเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค และลดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนได้ ผลการวิจัยพบว่า หญิงมีครรภ์ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จะมีอาการป่วยรุนแรง และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงกว่าคนทั่วไปถึง 6 เท่า ในปี 2557 ประชาชน 2 กลุ่มนี้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันเพียงร้อยละ 1 ซึ่งต่ำกว่าทุกกลุ่ม วัคซีนที่ฉีดในปีนี้ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ 3 สายพันธุ์ที่พบมากในไทย และทั่วโลก เริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2558 ซึ่งจังหวัดภูเก็ตมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่สนับสนุนให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง จำนวน 15,337 โดส ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถแจ้งชื่อ และลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขภาครัฐในพื้นที่ทุกแห่ง
สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-25 เมษายน 2558 มีรายงานผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศ 24,797 ราย เสียชีวิต 20 ราย จำนวนผู้ป่วยในรอบ 4 เดือน มีประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยตลอดปี 2557 ภายหลังจากประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่ พ.ศ.2551 เป็นต้นมา จำนวนผู้ป่วยลดลงเรื่อยๆ หากประเทศไทยไม่มีการฉีดวัคซีนป้องกันจะพบผู้ป่วยทั้งประเทศปีละ 700,000-900,000 ราย และมีผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม ร้อยละ 2.5 ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลปีละ 12,575-75,801 ราย ส่งผลต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 913-2,453 ล้านบาทต่อปี ครึ่งหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปในการรักษาพยาบาล สำหรับจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 เมษายน 2558 มีรายงานผู้ป่วย 112 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พบกระจายทุกตำบล ส่วนใหญ่เป็นเด็กต่ำกว่า 5 ปี
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ขอความร่วมมือประชาชนหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ มีอาการ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ไอ มีน้ำมูกไหล ให้หยุดงานหยุดเรียนพักผ่อนที่บ้าน ไอจามปิดปาก ใส่หน้ากากอนามัย หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน ส่วนประชาชนทั่วไปให้ยึดหลักปฏิบัติตัว กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เบอร์โทร.0-7621-1330 ต่อ 305-306 สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง และสายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ
0-2590-3158, 0-2590-3238
กระทรวงสาธารณสุข จัดรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้บุคลากรด้านการแพทย์ และประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดปัญหาการเจ็บป่วย ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และลดความเสี่ยงอันตรายหลังติดเชื้อ เนื่องจากขณะนี้ย่างเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พบโรคนี้สูงที่สุด และโรคนี้ติดต่อกันง่ายทางการไอจาม ตั้งเป้าฉีดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 9 กลุ่ม ฟรีทุกสิทธิการรักษา ประกอบด้วย 1.หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปีทุกคน 3.ผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว 7 โรค ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด โรคเบาหวาน 4.ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมีย 7.ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง 8.โรคอ้วนน้ำหนักตัว มากกว่า 100 กิโลกรัมขึ้นไป และ 9.บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทำลายสัตว์ปีก
ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ประกาศฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ และกลุ่มเด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี ซึ่งควรเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค และลดอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนได้ ผลการวิจัยพบว่า หญิงมีครรภ์ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จะมีอาการป่วยรุนแรง และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงกว่าคนทั่วไปถึง 6 เท่า ในปี 2557 ประชาชน 2 กลุ่มนี้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันเพียงร้อยละ 1 ซึ่งต่ำกว่าทุกกลุ่ม วัคซีนที่ฉีดในปีนี้ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ 3 สายพันธุ์ที่พบมากในไทย และทั่วโลก เริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2558 ซึ่งจังหวัดภูเก็ตมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่สนับสนุนให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง จำนวน 15,337 โดส ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสามารถแจ้งชื่อ และลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนได้ที่สถานบริการสาธารณสุขภาครัฐในพื้นที่ทุกแห่ง
สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-25 เมษายน 2558 มีรายงานผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศ 24,797 ราย เสียชีวิต 20 ราย จำนวนผู้ป่วยในรอบ 4 เดือน มีประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยตลอดปี 2557 ภายหลังจากประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่ พ.ศ.2551 เป็นต้นมา จำนวนผู้ป่วยลดลงเรื่อยๆ หากประเทศไทยไม่มีการฉีดวัคซีนป้องกันจะพบผู้ป่วยทั้งประเทศปีละ 700,000-900,000 ราย และมีผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดบวม ร้อยละ 2.5 ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลปีละ 12,575-75,801 ราย ส่งผลต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 913-2,453 ล้านบาทต่อปี ครึ่งหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปในการรักษาพยาบาล สำหรับจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 เมษายน 2558 มีรายงานผู้ป่วย 112 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต พบกระจายทุกตำบล ส่วนใหญ่เป็นเด็กต่ำกว่า 5 ปี
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ขอความร่วมมือประชาชนหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ มีอาการ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ไอ มีน้ำมูกไหล ให้หยุดงานหยุดเรียนพักผ่อนที่บ้าน ไอจามปิดปาก ใส่หน้ากากอนามัย หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน ให้รีบไปพบแพทย์ด่วน ส่วนประชาชนทั่วไปให้ยึดหลักปฏิบัติตัว กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เบอร์โทร.0-7621-1330 ต่อ 305-306 สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง และสายด่วนกรมควบคุมโรค หมายเลข 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ
0-2590-3158, 0-2590-3238
