xs
xsm
sm
md
lg

Who Moved my Money ข้อเท็จจริงค่าใช้จ่าย 30 บาทรักษาทุกโรค สปสช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ

บทความของ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ เรื่อง "Breakdown ค่าใช้จ่ายโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จะ Broke หรือไม่ ?" ที่เผยแพร่ใน Manager Online เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 มีเนื้อหาที่สรุปได้ว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จัดสรรงบประมาณให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพียงร้อยละ 40 ของงบประมาณทั้งหมดที่ สปสช.ได้รับ ส่วนที่เหลือร้อยละ 35-40 สปสช.นำเงินไปบริหารเอง ทำให้เข้าใจได้ว่า การที่โรงพยาบาลประสบกับภาวะการขาดทุน เกิดขึ้นการการที่ สปสช.จัดสรรงบประมาณให้กับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขสุขน้อยเกินไป ในตอนท้าย ดร.อานนท์ยังได้ทิ้งคำถามไว้ว่า เงินที่ สปสช.นำไปบริหารเองปีละประมาณเกือบ 50,000 ล้านบาท สปสช.นำไปใช้อะไรบ้าง

ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงว่า ข้อมูลข้างต้นนี้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง สปสช.จัดสรรงบเหมาจ่ายรายหัวให้ รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุขประมาณร้อยละ 70 ไม่ใช่ร้อยละ 40 ส่วนคำถามที่ว่าเงินที่หายไปนั้น สปสช.นำไปใช้อะไรนั้น ตอบว่า เงินส่วนที่หายไปเป็นงบประมาณส่วนของค่าแรงบุคลากรที่สำนักงบประมาณหักไว้ เพราะอย่างที่รู้กันว่า งบเหมาจ่ายรายหัวนั้นได้รวมค่าแรงหรือเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์ไว้ด้วย และไม่ได้หายไปเกือบ 50,000 ล้านบาท แต่ประมาณ 38,000 ล้านบาท

เพื่อให้สาธารณชนได้เข้าใจในเรื่องนี้ ผมขออ้างอิงตารางการจัดสรรงบประมาณของ สปสช. ปี 2558 ที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพได้มีมติให้แบ่งงบประมาณเหมาจ่ายรายหัวที่รัฐบาลจัดสรรให้ประชาชนที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพต่อปี จำนวน 2,895.09 ออกเป็น 9 รายการเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการจัดสรร ดังนี้

งบแต่ละรายการ จะมีวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น บริการผู้ป่วยนอก ใช้เพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลประชาชนที่มารับบริการเป็นผู้ป่วยนอก โดยจัดสรรให้กับ รพ.ในลักษณะเหมาจ่ายรายประชากรที่ลงทะเบียนไว้ หรือ บริการกรณีเฉพาะ เป็นงบประมาณที่กันไว้เพื่อจ่ายเป็นค่าบริการทางการแพทย์ในโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ ฯลฯ โดยจัดสรรให้แก่ รพ.ตามผลงานการให้บริการจริง เป็นต้น ถึงแม้ว่า รพ.ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะมีจำนวนมากที่สุดและมีสัดส่วนการให้บริการมากที่สุด แต่ยังมี รพ.สังกัดอื่นในระบบหลักประกันสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีการให้บริการแก่ผู้มีสิทธิ ข้อมูลปี 57 พบว่ามีการจัดสรรงบประมาณให้แก่ รพ.สังกัดต่างๆ ดังตารางข้างล่างนี้

จะเห็นว่าวงเงินที่ได้รับการจัดสรรทั้งหมดในปี 57 มีน้อยกว่าตัวเลขเหมาจ่ายรายหัวที่รัฐจัดสรรให้ คูณกับจำนวนประชากร 48 ล้านคน ทั้งนี้เนื่องจากสำนักงบประมาณได้รวมค่าแรงบุคลากรภาครัฐส่วนหนึ่งราว 38,000 ล้านบาทไว้ด้วย ดังนั้นเมื่อ สปสช.จัดสรรเงินให้แก่โรงพยาบาล ก็ต้องหักค่าแรงดังกล่าวออกตามสัดส่วนเนื่องจากถือเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุน และจะเห็นว่า รพ.ของกระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรถึงร้อยละ 72 ไม่ใช่ร้อยละ 40 ตามที่มีการกล่าวอ้าง จึงตอบคำถามที่ว่า เงินดังกล่าว สปสช. นำไปใช้อะไรบ้าง ปีละประมาณเกือบห้าหมื่นล้านบาท

ส่วนงบประมาณส่วนอื่นที่ไม่ได้จัดสรรให้ รพ.ราวร้อยละ 2.8 สปสช.ใช้ไปในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยนำงงบประมาณไปร่วมหุ้นกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจาก มาตรา 3 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 45 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า บริการสาธารณสุข หมายรวมไปถึงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคด้วย และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า หากจัดระบบการส่งเสริมสุขภาพได้ดีจะลดปัญหาสุขภาพของประชาชนลงได้ และในระยะยาวจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพไม่บานปลาย เพียงแต่ต้องใช้เวลาและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

สปสช.ตระหนักดีว่า งบประมาณในระบบหลักประกันสุขภาพมาจากเงินภาษีอากรของประชาชน คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจึงได้ออกแบบให้มีการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนได้อย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน ภายใต้หลักความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณบทความของ ดร.อานนท์ ที่สะท้อนความห่วงใยในมุมมองนักวิชาการที่เป็นตัวแทนคนชั้นกลางของสังคม ซึ่งหากมีคนชั้นกลางของสังคมหันมาสนใจระบบหลักประกันสุขภาพมากขึ้น ก็จะทำเกิดการถกแถลงและแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน อันจะส่งผลให้ระบบมีความมั่นคง และยั่งยืนในระยะยาวได้ในที่สุด

ขอบคุณครับ
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่



กำลังโหลดความคิดเห็น