ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ขบวนการค้าโรฮีนจาพ่นพิษ ถึงคิวล้างบางฝ่ายปกครอง เผยอธิบดีกรมการปกครองมีคำถามถึง ผวจ.สตูล เหตุใดไม่จัดการนายกเทศมนตรีตำบลปูยู ทั้งที่มีรายชื่อในหมายจับ และไม่ได้หลบหนีไปไหน เผย ผบ.ตร.เตรียมจัดการตำรวจอีกหลายนายหลังพบบัญชีส่วยจากขบวนการค้ามนุษย์ ด้านชาวบ้านในพื้นที่เผยอยากให้ทหารถือโอกาสนี้จัดการอิทธิพลมืดเมืองชายแดนอย่างเด็ดขาด
วันนี้ (10 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า ได้มีการสั่งการให้ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลปูยู อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา 20 คน ที่ศาลจังหวัดนาทวี ออกหมายจับในข้อหาค้ามนุษย์ ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่า นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปูยู จ.สตูล มีหมายจับในข้อหาค้ามนุษย์ และเรียกค่าไถ่ ตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวี เลขที่ 258/57 ลงวันที่ 9 เม.ย.2557
โดยให้ ผวจ.สตูล ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่ไม่มีการดำเนินคดีต่อ นายมาเลย์ โต๊ะดิน ทั้งที่มีหมายจับ และยังปรากฏว่า นายมาเลย์ โต๊ะดิน ยังทำหน้าที่เป็นนายกเทศมนตรีอยู่จนถึงขณะนี้ เนื่องจากหลังจากการเผยแพร่ข่าวหมายจับ นายมาเลย์ โต๊ะดิน เป็นผู้ต้องหาร่วมกับนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ อดีตนายก อบจ.สตูล ซึ่งกำลังหลบหนีการจับกุมอยู่ในขณะนี้ ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
โดยนายเดช รัฐ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า จะทำการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากตนเองเดินทางมารับตำแหน่ง ผวจ.สตูล หลังจากที่มีหมายจับแล้วหลายเดือน จึงไม่ทราบว่า นายมาเลย์ โต๊ะดิน เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ จึงไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายของการปกครองท้องถิ่น ซึ่งตนจะเรียกท้องถิ่นจังหวัดมาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
สำหรับหมายจับ นายมาเลย์ โต๊ะดิน นั้น พบว่า มีคนในตระกูลโต๊ะดิน ถึง 6 คน ที่มีหมายจับในวันเดียวกัน คือ นายมาเลย์ โต๊ะดิน นายเจ๊ะอาด โต๊ะดิน นายอนุ โต๊ะดิน นายสุชาติ โต๊ะดิน นายซำซูดิน โต๊ะดิน นายรอสัก โต๊ะดิน ซึ่งทั้งหมดยังอยู่ในพื้นที่ตามปกติไม่ได้หลบหนีไปไหน และยังคงทำการค้ามนุษย์อยู่เป็นปกติ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำการจับกุมตามหมายจับ โดยผู้ที่วิ่งเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ นายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ อดีต นายก อบจ.สตูล ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหมายเลข 1 ของขบวนการค้ามนุษย์ในภาคใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 ได้มีคำสั่งให้ กรมการปกครองดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในส่วนของข้าราชการกรมการปกครองในพื้นที่ จ.ระนอง พังงา สตูล และสงขลา เนื่องจากพบว่า มีส่วนเกี่ยวข้อง และรับผลประโยชน์จากขบวนการค้ามนุษย์ โดยขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวน นายทวีวุฒิ สังข์สิริ นายอำเภอสะเดา จ.สงขลา เป็นรายแรก ซึ่งรายต่อไปจะเป็นคิวของนายอำเภอใน จ.สตูล อีก 3 นายด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้รับการเปิดเผยจากชุดสืบสวนของตำรวจว่า ในการค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ได้หลักฐานสำคัญที่เป็นบัญชีจ่ายส่วยของขบวนการผู้ค้ามนุษย์ ซึ่งมีรายชื่อของนายตำรวจระดับสูงของ จ.สงขลา และ บช.ภ.9 ทั้งระดับ พ.ต.ท. จนถึง นายพล ทำให้นายตำรวจระดับสูงที่มีรายชื่อต่างหนาวๆ ร้อนๆ เพราะกลัวว่าจะถูกย้าย และดำเนินคดี
สำหรับ นายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ หรือ “โกโต้ง” อดีตนายก อบจ.สตูล ซึ่งมีฉายาว่าเจ้าพ่อเกาะหลีเป๊ะ หลังจากที่ถูกออกหมายจับได้หลบหนีจากประเทศไทยไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเป็นการชั่วคราว โดยรายงานข่าวแจ้งงว่า “โกโต้ง” รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะถูกออกหมายจับ เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับนายตำรวจระดับสูง เพราะโกโต้ง เป็นผู้ให้การต้อนรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เดินทางมาผักผ่อนที่เกาะหลีเป๊ะ โดยมีเรือยอชต์ให้บริการรับ-ส่ง และมีรีสอร์ตที่เกาะหลีเป๊ะไว้บริการ โดยเฉพาะทุกสุดสัปดาห์จะมีตำรวจระดับนายพลของ บช.ภ.9 เดินทางไปผักผ่อนที่เกาะหลีเป๊ะ เป็นประจำ และจะไปลงเรือยอชต์ที่ท่าเรือ อ.ละงู จนเป็นที่รู้จักของประชาชนในพื้นที่
โดยเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา นายตำรวจระดับ พ.ต.ท.ผู้หนึ่งของ สภ.ละงู ทำการตรวจค้นเรือเร็วที่จอดเพื่อรอรับนายตำรวจระดับสูงของ ภ.9 เพื่อจากทราบว่า ในเรือมีอาวุธสงคราม ผลจากการตรวจค้นครั้งนั้นสร้างความไม่พอใจ ทำให้มีคำสั่งย้ายนายตำรวจระดับ พ.ต.ท. พ้นจาก สภ.ละงู โดยให้ไปช่วยราชการ ที่ บก.ภ.จว.สตูล ทั้งที่ไม่มีความผิด
รายงานข่าวแจ้งว่า เนื่องจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีข้อมูลถึงความสัมพันธ์ระหว่างทีมค้ามนุษย์ของ จ.สตูล ที่มี “โกโต้ง” เป็นเบอร์ 1 กับนายตำรวจระดับสูงของ บช.ภ.9 จึงเตรียมที่จะขออนุมัติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี เพื่อทำการโยกย้ายนายตำรวจระดับ ผบก.จนถึง ผบช. นอกฤดูกาล เพื่อขุดรากถอนโคนขบวนการค้ามนุษย์ในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการจับกุมนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ โดยเฉพาะการจับกุม นายบรรจง ปองผล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ทำให้บรรยากาศในการค้าของเถื่อน ทั้งน้ำมันเถื่อน เหล้า บุหรี่เถื่อน และสินค้าอื่นๆ ซบเซาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากกลุ่มผู้ค้าของเถื่อนต้องระมัดระวังตัว เพราะ สภ.ปาดังเบซาร์ มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เดินทางเข้า-ออก เพื่อทำคดีค้ามนุษย์ รวมทั้งการจับกุมนายบรรจง เป็นเรื่องที่กลุ่มผู้ค้าของเถื่อน และนักธุรกิจในพื้นที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะเชื่อว่านายบรรจง มีอิทธิพลล้นฟ้า มีคอนเน็กชันกับนักการเมืองระดับชาติทุกพรรค และที่สำคัญ นายบรรจง กับนายตำรวจระดับสูงของจังหวัดสงขลา และภาค 9 มีความสนิทสนม และมีการทำธุรกิจหลายอย่างร่วมกัน
ในขณะที่ประชาชนในพื้นที่ได้สะท้อนของเท็จจริงต่อผู้สื่อข่าวว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้มีการปราบปรามการค้ามนุษย์ทุกประเภทให้หมดจาก อ.สะเดา เพราะที่ อ.สะเดา ไม่ได้มีแต่เรื่องการค้าโรฮีนจา แต่ที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งที่ตลาดปาดังเบซาร์ และที่เทศบาลสำนักขาม หรือตลาดไทย-จังโหลน ที่มีหญิงสาวจีนแผ่นดินใหญ่ หญิงชาวลาว ชาวพม่า มาขายบริการทางเพศนับพันคน รวมทั้งมีชาวมาเลเซีย เข้ามาประกอบธุรกิจโดยผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก แต่ไม่ได้รับการสนใจในการจับกุมจากตำรวจ และฝ่ายปกครอง
นอกจากนั้น ประชาชนในพื้นที่ยังได้กล่าวว่า อยากให้ทหารใช้โอกาสนี้ในการกวาดล้างขบวนการค้าของเถื่อน ตั้งแต่น้ำมันเถื่อน เหล้า บุหรี่ ต่างประเทศ เครื่องปรับอากาศ หินอ่อน เนื้อแช่แข็ง ซึ่งนำเข้ามาจากด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ และด่านศุลกากรกรสะเดา เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไม่เคยจับกุม ส่วนเจ้าหน้าที่ซึ่งมาจากส่วนกลางก็มาเพื่อเก็บส่วยเท่านั้น