ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผบ.ตร.สั่งสอบย้อนหลัง 2 ปี บัญชีส่วย ตำรวจ ตม. จนท.ฝ่ายปกครองเริ่มผวาถูกเช็กบิล เผย 5 นายพลถูกบัญชีดำเอี่ยวค้ามนุษย์ ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างระส่ำ นายทุนพาแรงงานเถื่อนหลบหนีการจับกุม เผยสาเหตุความยิ่งใหญ่ของอดีตนายก อบจ.สตูล และนายกฯ เมืองปาดังฯ มาจากการเป็นกระเป๋าเงินให้ตำรวจ และฝ่ายปกครองในการเลี้ยงดูนาย
วันนี้ (11 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่ตำรวจชุดสืบสวนจับกุมยึดได้เอกสารหลักฐานเป็นจำนวนมากจากการตรวจค้นบ้านของนายบรรจง ปองผล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาค้ามนุษย์ และเครือข่าย 5 จุด ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา และยึดบัญชีการจ่ายส่วยให้แก่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมทั้งสลิปการโอนเงินให้บุคคลต่างๆ ตั้งแต่ปี 2556 ทำให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวน สอบคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาย้อนหลัง 2 ปี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยังรับราชการอยู่ในพื้นที่ อ.สะเดา และที่ย้ายออกจากพื้นที่ไปแล้วต่างตรวจสอบข่าวกันอย่างจ้าละหวั่น ซึ่งในเบื้องต้นแหล่งข่าวระบุว่า ยังมีตำรวจระดับสูง ตั้งแต่รอง ผกก.ผบก. และระดับที่สูงกว่า ผบก.ไม่ต่ำกว่า 20 คน
สำหรับนายตำรวจระดับนายพล ที่อยู่ในข่ายของการตรวจสอบการพัวพันต่อผลประโยชน์ในการค้ามนุษย์เป็นนายตำรวจใน บช.ภ.9 จำนวน 3 นาย และ บช.ภ.8 จำนวน 2 นาย ซึ่งขณะนี้ได้มีการตรวจสอบในทางลับเพื่อเป็นการรวบรวมหลักฐาน เนื่องจากในบัญชีส่วยพบว่ารายชื่อหลายรายเป็นการใช้ชื่อเล่น เช่น “รองจ๊อด” “นายพลติ๊ก” เป็นต้น โดยตำรวจชุดสืบสวนข้อเท็จจริงเปิดเผยว่า แม้จะไม่มีพยานยืนยันแต่จากหลักฐานที่พบ และจากสิ่งที่เกิดขึ้นเชื่อได้ว่าตำรวจเหล่านี้ ได้รับผลประโยชน์จากขบวนการค้ามนุษย์แน่นอน จึงอยู่ที่ พล.ต.อ.สมยศ ว่าจะมีความกล้าแค่ไหนในการตัดสินใจย้าย และตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง นอกจากนั้น ยังตรวจพบว่ามีนายตำรวจหลายนายที่มีแบ็กเป็นคนสีเขียว เพราะเป็นรุ่นเดียวกัน และมีอำนาจอยู่ในขณะนี้
ส่วนนายตำรวจระดับ พ.ต.ท.ถึง พ.ต.อ.ที่อยู่ในข่ายรับส่วย เท่าที่ตรวจสอบรายชื่อพบว่าเป็น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประมาณ 10 นาย ที่เหลือเป็นตำรวจภูธร และนอกจากนั้น ยังมีรายชื่อของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองรวมอยู่ด้วย 4-5 รายด้วยกัน โดยบางรายย้ายไปอยู่ที่อื่น และบางรายเกษียณอายุราชการแล้ว
ในส่วนของฝ่ายปกครองหลังจากมีการย้ายปลัดป้องกัน และปลัดตำบลปาดังเบซาร์ ออกจากพื้นที่ รวมทั้งการตั้งกรรมการสอบ นายทวีวุฒิ สังข์ศิริ นายอำเภอสะเดา โดยจะทราบผลภายในวันที่ 15 พ.ค. เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ได้ตั้งกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นทางผ่านเป็นเส้นทางที่นำชาวโรฮีนจามาพักอาศัย และเรียกค่าไถ่ ก่อนที่จะส่งไปยังประเทศที่ 3 ถ้าพบว่ามีใครพัวพัน หรือรู้เห็นแต่ไม่ได้ดำเนินการต่อกลุ่มผู้ค้ามนุษย์ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้นำท้องถิ่น และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็จะดำเนินการเอาผิดทันที
ในขณะที่ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.สตูล กล่าวว่า หลังเกิดเหตุอื้อฉาวครั้งนี้ โดยมีนักการเมืองท้องถิ่น อดีตนักการเมือง ผู้นำท้องที่ อดีตผู้นำท้องที่ เข้าไปอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์เป็นจำนวนมาก เป็นการกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเป็นอย่างมาก แต่ขณะนี้ยังไม่มีการโยงใยว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในระดับต่างๆ เข้าไปร่วมรับประโยชน์ต่อการค้ามนุษย์ ในส่วนของนักการเมืองท้องถิ่น และผู้นำท้องที่ เมื่อตำรวจมีหมายจับทางฝ่ายปกครองจะดำเนินการให้ตามระเบียบของกรมการปกครองต่อไป
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยว่า สาเหตุที่ นายปัจจุบัน อังโชติพันธ์ หรือโกโต้ง ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อใน จ.สตูล เนื่องจากทั้งตำรวจ และฝ่ายตกครองต่างต้องพึ่งพาอาศัยเงินจากโกโต้ง ในการเอนเตอร์เทนนายระดับสูงที่เดินทางมาเที่ยวยังเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของ จ.สตูล เพราะโกโต้ง มีทั้งเรือนำเที่ยว รีสอร์ต ห้องอาหาร เช่นเดียวกับนายมาเลย์ โต๊ะดิน นายกเทศบาลตำบลปูยู อ.เมือง ที่เป็นกระเป๋าเงินให้แก่ฝ่ายปกครองมาโดยตลอด จนทำให้อยู่เหลือกฎหมาย และเป็นที่เกรงใจของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วันขณะที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เข้าประชุมเพื่อออกหมายจับที่ บก.ภ.จว.สตูล ปรากฏว่า นายปัจจุบัน ยังคงนั่งกินกาแฟกับนายตำรวจระดับสูงที่ สภ.เมืองสตูล ซึ่งอยู่ติดกับ ภ.จว.สตูล เช่นเดียวกับ นายบรรจง ปองผล นายกเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ที่กลายเป็นผู้กว้างขวางในหมู่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เพราะมีหน้าที่ในการต้อนรับนายของฝ่ายปกครองและตำรวจ รวมทั้งเป็นผู้ที่รวบรวมส่วยจากการค้าของเถื่อนทุกชนิดเพื่อส่งให้แก่ตำรวจในทุกระดับชั้นมาโดยตลอดเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจังครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในพื้นที่ซึ่งใช้แรงงานเถื่อนชาวพม่า เขมร ลาว และบังกลาเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีอนุญาตในการทำงาน เป็นแรงงานเถื่อน ส่วนหนึ่งเดินทางเข้ามาโดยใช้พาสปอร์ต แต่ไม่มีเวิร์กเพอร์มิตในการทำงาน ขณะนี้ต่างถูกนายทุนนำไปหลบซ่อนเพราะเกรงว่าจะถูกกวาดล้าง ทำให้ธุรกิจก่อสร้าง โรงงานอุตสาหรรม ต่างขาดแคลนแรงงาน แม้แต่กลุ่มของแขกขายโรตี ซึ่งเป็นชาวพม่า และบังกลาเทศ ต่างก็ต้องหลบซ่อนตัวเป็นการชั่วคราว
ในขณะที่ด่านชายแดน ต.ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ค้าของเถื่อน ทั้งการค้าน้ำมันเถื่อน เหล้า บุหรี่ และสินค้าอื่นๆ ต่างถูกสั่งให้หยุดการทำผิดกฎหมายจากเจ้าหน้าที่ศุลกากร และตำรวจ เช่นเดียวกับพื้นที่ชายแดนไทยด้าน ต.สำนักขาม อ.สะเดา ซึ่งเป็นแหล่งน้ำเข้าน้ำมันเถื่อน และเป็นแหล่งที่มีหญิงสาวชาวต่างชาติ เช่น จีนแผ่นดินใหญ่ พม่า และลาว เข้ามาขายบริการทางเพศนับพันคน ถูกสั่งให้ไปหลบซ่อนที่อื่นเป็นการชั่วคราว รอให้เสร็จจากเรื่องการจับกุมขบวนการค้าโรฮีนจาจบก่อนจึงค่อยกลับเข้ามา