ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสาวไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับแคมป์และหลุมฝังศพชาวโรฮิงญาบนเทือกเขาแก้วชายแดนไทยมาเลเซีย เชื่อเชื่อมโยงคดีเรียกค่าไถ่ใน จ.นครศรีธรรมราช เร่งสืบหาตัวผู้ดูแลแคมป์
วันนี้ (3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีพบแคมป์และสุสานฝังศพชาวโรฮิงญา บนยอดเขาแก้ว บ้านตะโล๊ะ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ห่างจากชายแดนไทย - มาเลเซีย 300 เมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่พบศพถูกฟังไว้ทั้งหมด 25 ศพ และได้ทำการชันสูตรและเก็บดีเอ็นเอไว้ทั้งหมดแล้ว
โดยขณะนี้ที่มูลนิธิมิตรภาพสามัคคีหาดใหญ่ เจ้าหน้าที่เก็บศพชาวโรฮิงญา จำนวน 20 ศพที่ผ่านการชันสูตรและเก็บดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้วเอาไว้และสามารถนำไปฝังได้ จากกำหนดการเดิมที่จะนำศพทั้งหมดไปฝังที่สุสานบ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเช้าวันนี้แต่เนื่องจากทางกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้มีคำสั่งด่วนให้เก็บศพเอาไว้ก่อน เพราะยังต้องรอการการตรวจสอบของแพทย์นิติเวชน์อีก 2 ขั้นตอน จึงยังไม่สามารถนำไปฝังได้
ขณะเดียวกันทางสำนักจุฬาราชมนตรีได้ประสานมายังตำรวจภูธร จ.สงขลา เพื่อเข้ามาติดตามกระบวนการของการจัดการศพและสถานที่ฝังเพื่อให้ถูกต้องทางหลักการของศาสนาอิสลาม เนื่องจากชาวโรฮิงญานับถือศาสนาอิสลาม
ส่วนในทางคดีที่จะเชื่อมโยงไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับแคมป์และหลุมฝังศพชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า ต้องรอผลการชันสูตรศพที่พบทั้งหมดจากทีมแพทย์นิติเวชน์มาประกอบถึงสาเหตุการเสียชีวิตว่าถูกฆาตกรรมหรือตายด้วยสาเหตุใด รวมทั้งการคัดแยกชาวโรฮิงญาและบังคลาเทศ 3 คนที่พบในแคมป์และในบริเวณใกล้เคียงเพื่อดูว่าถูกกักขังหรือเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่ และจะต้องรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง ตชด. ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจภูธรภาค 8 และภาค 9 เพื่อรวบรวบพยานหลักฐานต่างๆ นำไปสู่การดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประเด็นสำคัญที่สุดขณะนี้คือต้องรอดูผลการตรวจดีเอ็นเอของศพที่ถูกฝังว่า มีนายคาซิน ที่ถูกฆ่าตายรวมอยู่ด้วยหรือไม่หลังจากที่ได้ถูกจับเรียกค่าไถ่ในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช และญาติได้ส่งเงินให้กับขบวนการเพื่อไถ่ตัว แต่ปรากฏว่านายคาซิน ถูกฆ่าตายและเป็นจุดเชื่อมโยงที่มีการขยายผลจนพบแคมป์ที่กักกันและสุสานบนยอดเขาแก้ว
ด้าน พ.ต.อ.วีระสัณห์ ธารเปี่ยม ผู้กำกับการ สภ.ปาดังเบซาร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ในส่วนผลการชันสูตรศพเสร็จสิ้นแล้ว แต่ยังไม่มีการเรียกใครมาสอบเนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมีการแยกประเด็นไว้ 3 ด้าน คือ ประเด็นที่เชื่อมโยงกับคดีเรียกค่าไถ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช ผลการชันสูตรของแพทย์เกี่ยวกับสาเหตุการตาย รวมทั้งการตรวจสอบสถานที่ทั้งแคมป์ว่ามีใครดูแลแต่พบว่าเป็นเขตป่าสงวน
เมื่อผลสรุปทั้งหมดออกมาว่าใครเกี่ยวข้องบ้างก็จะเรียกตัวมาสอบสวนเอาผิดตามกระบวนการของกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการค้ามนุษย์ ส่วนผลการสอบสวนชาวโรฮิงญา 1 คน ที่พบนอนป่วยอยู่ในแคมป์ก็ไม่สามารถระบุชื่อของผู้ดูแลแคมป์ได้