xs
xsm
sm
md
lg

รอง ผบ.ตร.เผยคดีชาวโรฮิงญา พบเชื่อมโยงขบวนการค้ามนุษย์สงขลา นครศรีฯ สตูล (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งรัดคลี่คลายคดีชาวโรฮิงญา พบเชื่อมโยงขบวนการค้ามนุษย์กับ 3 จังหวัดทั้งสงขลา นครศรีธรรมราช และสตูล
   


ความคืบหน้ากรณีพบแคมป์ และสุสานฝังศพชาวโรฮิงญาบนยอดเขาแก้ว บ้านตะโล๊ะ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย 300 เมตร ซึ่งมีหลุมฝังศพอยู่กว่า 30 หลุม และมีการขุดศพขึ้นมาแล้ว 4 ศพ

วันนี้ (2 พ.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งตำรวจภูธรภาค 9 ตำรวจภูธรภาค 8 เจ้าหน้าที่ ตม.และฝ่ายปกครอง ที่ สภ.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และรับฟังผลสรุปการตรวจที่เกิดเหตุ รวมทั้งวางแนวสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดี

หลังการประชุม พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการขุดหลุมฝังศพไปแล้ว 8 หลุม พบศพ 4 ศพ และได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ทราบว่าเป็นใครและสาเหตุการตาย ส่วนแนวทางการคลี่คลายคดีนี้ได้วางไว้ 3 แนวทาง คือ จะต้องเร่งรัดทั้งคดีที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีการแจ้งความลักพาตัวชาวโรฮิงญาไปเรียกค่าไถ่ ซึ่งมีการออกหมายจับแล้ว 4 คน

ส่วนที่สองคือ การตรวจโครงกระดูกที่พบในบริเวณสุสานฝังศพบนเทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ ว่าเป็นใคร และสาเหตุการตาย และเกี่ยวข้องกับใครบ้างเพื่อนำตัวมาดำเนินคดี ส่วนที่สามคือ การสอบสวนชาวโรฮิงญาที่นอนป่วยอยู่ในแคมป์เพื่อพิสูจน์ว่า พื้นที่ดังกล่าวมีใครเข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นการทำผิดตามกฎหมายอย่างไร นอกจากนี้ จะต้องมีการพิสูจน์ทราบพื้นที่บนเทือกเขาแก้ว ซึ่งเป็นรอยต่อชายแดนไทย-มาเลเซียว่ายังมีชาวโรฮิงญาหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป

พล.ต.อ.เอก เปิดเผยว่า ขณะมีการรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งได้ข้อมูลบางส่วนแล้ว และการพบแคมป์ และสุสานชาวโรฮิงญาในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ นั้น กรอบการสอบสวนจะเชื่อมโยงกัน ทั้งคดีเรียกค่าไถ่ที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช คดีฆ่านายหน้าสองศพในพื้นที่ จ.สตูล และปาดังเบซาร์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สำหรับแนวทางหลังจากนี้ หากพบว่าเป็นการค้ามนุษย์ก็จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด รวมทั้งการจัดการต่อศพที่พบตามหลักฐานศาสนาอิสลาม และจะต้องช่วยเหลือชาวโรฮิงญาที่อาจหลงเหลืออยู่ในพื้นที่

ด้าน พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากที่มีการขุดศพทั้งหมดขึ้นมาจะต้องตรวจหาสาเหตุการตาย และเก็บดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลต้องสงสัย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนศพที่พบ ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ถึงสาเหตุการตาย เนื่องจากสภาพศพแตกต่างกันในเรื่องของเวลา

 
ส่วนความคืบหน้าการขุดหลุมศพในวันนี้ ทาง พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทีมแพทย์ และหน่วยกู้ภัยได้ขึ้นไปขุดหลุมศพที่เหลืออยู่ทั้งหมดหลังจากที่ขุดไปแล้ว 8 หลุม และพบเพียง 4 ศพ จากนั้นจะนำเข้าสู่การตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการตาย และเก็บดีเอ็น ส่วนความคืบหน้าการสอบสวนเพื่อสาวไปยังกลุ่มนายหน้า และผู้นำพาชาวโรฮิงญามาอยู่ที่แคมป์แห่งนี้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเผยว่า ขณะนี้พอทราบตัวกลุ่มนายหน้าและผู้นำพาแล้วซึ่งมีอยู่ 3-4 คน แต่ยังขาดพยาน และหลักฐานที่จะเชื่อมโยงไปถึง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การออกหมายจับ และเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่มีการจับกุมชาวโรฮิงญาในพื้นที่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราชไปเรียกค่าไถ่

สำหรับการพบแคมป์ และหลุมฝังศพชาวโรฮิงญาบนยอดเขาแก้วนั้น สืบเนื่องมาจากญาติของชาวโรฮินญาได้ไปแจ้งความต่อตำรวจภูธรภาค 9 ว่า มีญาติ จำนวน 2 คน ถูกนำตัวมากักขังที่บริเวณดังกล่าว ชื่อ นายรอฟิต กับนายคาซิน ซึ่งญาติได้ส่งเงินให้แก่ขบวนการเพื่อไถ่ตัว แต่ปรากฏว่า นายคาซิน ถูกฆ่าตาย ส่วนนายรอฟิต หนีไปได้ ญาติจึงได้เข้ามาแจ้งความต่อตำรวจภาค 9 เพื่อเข้าตรวจสอบ กระทั่งมีการขยายผลตรวจพบแคมป์ที่กักกัน และสุสานบนยอดเขาแก้ว
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น