ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ระดมพลังภาคีเครือข่ายภาครัฐ และเอกชนเปิดตัวโครงการ “ท้องถิ่นภิวัฒน์ 2015” จัดอบรมให้ความรู้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “ศักยภาพท้องถิ่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ประเดิมที่ภูเก็ต ก่อนขยายต่อไปอีก 7 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (22 เม.ย.) ดร.พัลลภ สิงหเสนี รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานเปิดการสัมมนาทางวิชาการ “ท้องถิ่นภวัฒน์ 2015” ในหัวข้อ “ศักยภาพท้องถิ่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ซึ่งอำนวยการจัดทำหลักสูตรโดยคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัทเอกชนชั้นนำ พร้อมการโรดโชว์นวัตกรรมสินค้า โดยมีผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 22-23 เม.ย.2558 นี้
น.ส.กัลยา แสวงหาบุญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็บโซลูทท์ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินการจัดงาน กล่าวว่า โครงการท้องถิ่นไทยภิวัฒน์ 2015 เป็นความร่วมมือในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชนผู้ประกอบการธุรกิจด้านโครงสร้าง งานระบบ และงานก่อสร้างชั้นนำ เช่น บริษัท ปูนซีเมนต์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิค แอนด์ ฮุคลันด์ จำกัด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด และบริษัท กระเบื้องโอฬาร จำกัด ที่ได้ร่วมกันนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับสินค้า และการแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อท้องถิ่น พร้อมการอบรมสัมมนาทางวิชาการท้องถิ่นภิวัฒน์ ในหลักสูตร “ศักยภาพท้องถิ่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ที่อำนวยการจัดหลักสูตรโดย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ข้าราชการไทย รวมถึงสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันอาชีวะทั่วประเทศ เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นแกนหลักสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับท้องถิ่นประเทศ สู่เวทีการพัฒนาระหว่างประเทศทั้งระดับภูมิภาค และระดับสากล
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำภาคีพัฒนาในพื้นที่ ทั้งภาคการเมือง ภาคราชการ ภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาสังคม มาเรียนรู้ร่วมกันเพื่อเสริมสร้างแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี่สมัยใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น และเป็นเวทีสัมมนาวิชาการเพื่อให้เกิดวิสัยทัศน์ในการวางแผน การพัฒนาท้องถิ่น รวมถึงร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ระดมสมองระหว่างหน่วยงานการปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษา บริษัทเจ้าของนวัตกรรม และเทคโนโลยีทางด้านอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อให้สามารถสร้างเป็นเครือข่ายการพัฒนาขึ้นมาได้
ด้าน ดร.วรพงศ์ ตระการศิรินนท์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย และบริการวิชาการ คณะรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับหลักสูตรการสัมมนา “ท้องถิ่นภิวัฒน์ 2015” หัวข้อ “ศักยภาพท้องถิ่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย” จัดทำขึ้นเพื่อให้บุคลากรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกภูมิภาค เสริมขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกภูมิภาค โดยการสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นการนำภาคเครือข่ายทั้งภาคการเมือง ภาคราชการ ภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม มาเรียนรู้ร่วมกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถสร้างเป็นเครือข่ายการพัฒนาขึ้นมาได้ โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้ารับการอบรมสัมมนาหลักสูตรนี้สามารถนำไปใช้ได้จริง เข้าใจถึงความสำคัญของการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา และแนวทางการพัฒนาท้องถิ่นที่เป็นองค์รวม และมีความสมดุลในมิติการพัฒนา ระหว่างเมือง และชนบท และระหว่างท้องถิ่นกับประเทศ อีกทั้งยังนำความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาที่หลากหลายไปปรับใช้ในพื้นที่ โดยให้ความสำคัญต่อแนวทางการพัฒนาที่ยึดท้องถิ่น และประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ความสำคัญต่อการอยู่ดีมีสุขของประชาชน และเน้นศักยภาพเฉพาะของท้องถิ่นอย่างเชื่อมโยงกับบริบทแวดล้อมทั้งภายในและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้น และสร้างเครือข่ายร่วมกันเพื่อเป็นการนำความเจริญก้าวหน้าสู่การพัฒนาท้องถิ่นไทยอย่างยั่งยืนด้วย
สำหรับกิจกรรมโครงการ “ท้องถิ่นภิวัฒน์ 2015” ที่จัดขึ้นเพื่อให้องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในจังหวัดนำร่องได้รับความรู้ เกี่ยวกับ นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นจากบริษัทชั้นนำ ภายในงานกิจกรรมแบ่งออกเป็น 4 ส่วนที่สำคัญ ประกอบด้วย 1.โซนแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากภาคเอกชนผู้สนับสนุนที่มาจัดแสดงภายในงาน 2.โซนสัมมนาวิชาการกับหัวข้อที่อัดแน่นไปด้วยสาระ จัดทำหลักสูตรโดย คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลับเชียงใหม่ 3.โซนต่อยอดธุรกิจ การสร้างเครือข่ายร่วมกันผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น เสวนาโต๊ะกลม การเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมและหอการค้า การจับคู่ธุรกิจ เป็นต้น 4.โซนบ่มเพาะความรู้ จากการสาธิตนวัตกรรม และได้ทดลองจริง
โดยกิจกรรมดังกล่าวจะเดินสายจัดกิจกรรมต่อเนื่องใน 8 จังหวัด โดยเริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 22-23 เม.ย.2558 นี้ หลังจากนั้นจะจัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ อุดรธานี ประจวบคีรีขันธ์ นครนายก เพชรบุรี บุรีรัมย์
