นราธิวาส - ภาคประชาสังคมจำนวน 8 องค์กร กว่า 30 คน เดินรณรงค์สานใจสู่สันติสุขชายแดนภาคใต้ ขณะนี้เป็นวันที่ 5 แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ตลอดเส้นทาง ด้านประชาชนรายทางชี้ยางตกทำรายได้ลด อัดเจ้าหน้าที่สับเปลี่ยนบ่อยทำนโยบายไม่ต่อเนื่อง
วันนี้ (19 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.00 น. ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม จำนวน 8 องค์กร ทั้งชาวไทยพุทธ และมุสลิม จำนวนกว่า 30 คน ได้ร่วมกันเดินรณรงค์สานใจสู่สันติสุขชายแดนภาคใต้ ซึ่งวันนี้ถือเป็นวันที่ 5 ของการเดินรณรงค์ออกจากพื้นที่ จ.ยะลา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 58 ที่ผ่านมา โดยมาพักแรมที่โรงเรียนบ้านบาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่จะพักแรมภายในบริเวณสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จ.นราธิวาส
ซึ่งการเดินรณรงค์ในครั้งนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจของแต่ละพื้นที่คอยอำนวยความสะดวกในการรักษาความปลอดภัยแก่คณะตลอดเส้นทาง และเมื่อผ่านที่ตั้งแหล่งชุมชนต่างๆ ซึ่งเป็นเส้นทางผ่าน ตัวแทนของคณะภาคประชาชน และภาคประชาสังคมได้เข้าทำการพูดคุยกับประชาชน ที่ส่วนใหญ่มีอาชีพจำหน่ายสินค้า และอาหารตามรายทาง และประชาชนได้ให้การตอบรับเป็นอย่างดีถึงโครงการดังกล่าว
พร้อมทั้งได้มีการสะท้อนถึงปัญหาความเป็นอยู่ รวมถึงการใช้ชีวิตในปัจจุบัน หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 ถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 11 ปีเต็ม พบว่า ความเป็นอยู่โดยภาพรวมคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่ค่อยสู้ดีนักเมื่อเปรียบกับในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่ไว้วางใจต่อเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นทุกเมื่อ ถึงในระยะหลังเหตุการณ์ร้ายจะลดน้อยลงก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของเศรษฐกิจโดยภาครวมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ยะลา และปัตตานี คงไม่แตกต่างกันมากนัก คือ ผลกระทบของราคายางพาราที่ตกต่ำ ทำให้ขาดสภาพคล่องในการหมุนเวียนของเงินที่เคยแพร่สะพัดในอดีต รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับการสับเปลี่ยนโยกย้ายกำลังของเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ ซึ่งแต่และชุดมีนโยบายการทำงานไม่เหมือนกัน บางชุดเน้นการปราบปราม บางชุดเน้นการสร้างจิตวิทยาในการช่วยเหลือประชาชน เมื่อมีการสับเปลี่ยนกำลัง ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ซึ่งเป็นช่องโหว่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีสามารถแอบลักลอบแฝงตัวเคลื่อนไหวก่อเหตุร้าย โดยประชาชนไม่สามารถที่จะหาจุดยืนได้
