นราธิวาส - เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง จ.นราฯ ได้แล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ พบพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 732 ไร่ เสียหายแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ยากต่อการฟื้นฟู 227 ไร่ เผยมีการลอบวางเพลิงเป็นจุดๆ ในลักษณะเป็นวงกลม เพื่อให้กระแสลมพัดต้นเพลิงเข้าหาศูนย์กลาง เตรียมสืบนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
ความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีไฟไหม้ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติ หรือพรุโต๊ะแดง ซึ่งตั้งอยู่บ้านซรายอ ม.1 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด จากการสนธิกำลังของชุดเสือไฟ ภายใต้การอำนวยการร่วมกันของ นายวิวัฒน์ นาคช่วย หัวหน้าศูนย์ไฟป่า จ.นครศรีธรรมราช และนายวิโรจน์ ศิริอุมากุล เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญงาน ในฐานะหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพรุโต๊ะแดง ที่ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ชุดเสือไฟ จำนวน 7 ชุดปฏิบัติการเข้าไปทำการดับไฟไหม้ในครั้งนี้
ล่าสุด วันนี้ (19 เม.ย.) เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดงได้แล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงการฉีดน้ำเก็บรายละเอียดจุดต้นเพลิงที่คุกรุ่นชั้นใต้ดินบางจุดที่คาดว่าไฟจะลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งได้ หากมีลมพัดกระโชกแรง โดยเจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันนำเครื่องสูบน้ำแบบหาบหาม สูบน้ำจากบ่อที่ขุดขึ้นมาเป็นการชั่วคราวในละแวกจุดเกิดเหตุ เพื่อสูบน้ำระบายลงในดินให้เกิดความชุ่มชื้น ซึ่งคาดว่าในอย่างช้าในคืนนี้เจ้าหน้าที่จะสามารถดับไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดงได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ด้าน นายวิโรจน์ ศิริอุมากุล เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญงาน ในฐานะหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพรุโต๊ะแดง เปิดเผยว่า ล่าสุด จากการตรวจสอบความเสียหายของป่าพรุโต๊ะแดงที่ถูกไฟไหม้ในครั้งนี้อย่างละเอียดด้วยการใช้เครื่องจีพีเอสตรวจวัดพบว่า พื้นที่ป่าพรุได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 732 ไร่ และในจำนวนนี้แยกเป็นพื้นที่ได้รับความเสียหายแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ยากต่อการฟื้นฟูมีจำนวนมากถึง 227 ไร่ ส่วนลักษณะการลักลอบวางเพลิงนั้นมีการวางเพลิงเป็นจุดๆ ในลักษณะเป็นวงกลมเพื่อให้กระแสลมพัดต้นเพลิงให้ลุกลามเข้าหาจุดศูนย์กลาง เหมือนกับมีการวางแผนเพื่อต้องการพื้นที่ในการปลูกสวนยางพารา และต้นปาล์ม โดยบุคคลธรรมดาไม่สามารถที่จะมีเงินทุนมาใช้จ่ายในจุดนี้ เนื่องจากต้องใช้เงินค่อยข้างมากในการจ้างเครื่องมือกลหนักมาปรับพื้นที่
นอกจากนี้ นายวิโรจน์ ศิริอุมากุล เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญงาน ในฐานะหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าพรุโต๊ะแดง ได้เปิดเผยอีกด้วยว่า ตนได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.สุไหงโก-ลก เพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษแล้ว แต่ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นบุคคลใด หรือกลุ่มใด เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการหาตัวคนผิดมาลงโทษ เพื่อเป็นคดีตัวอย่างไม่ให้มีการลอบบุกรุกทำลายป่า
